เรดิสัน โฮเทล ไม่หวั่นโอเวอร์ซัพพลาย กางแผน 5 ปี เปิดโรงแรมนับพันแห่งในภูมิภาคเอเชีย เผยในประเทศไทย 8-10 แห่งต่อปี หวังรองรับซัพพลายในอนาคต ประเมินธุรกิจโรงแรมฟื้นเท่าก่อนโควิดได้ภายในสิ้นปี 2567
นายเอลลี่ ยูเนส รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาระดับสากล เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป เปิดเผยถึงสถานการณ์ภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวกลับมาเดินทางอีกครั้ง แต่ยังไม่เทียบเท่ากับปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 จากการที่แต่ละพื้นที่ผ่อนคลายมาตรการในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
โดยธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคเอเชียประเมินว่า น่าจะฟื้นตัวสู่ระดับเดียวกับก่อนโควิด-19 ได้ภายในปลายปี 2567 ซึ่งอาจเร็วหรือช้าแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ เช่น ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือว่าฟื้นตัวได้เร็ว เมื่อเทียบกับตลาดประเทศจีน เนื่องจากผ่อนคลายมาตรการก่อน
สำหรับโรงแรมในเครือเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป หรือ RHG พบว่าบางแห่งมีผลการดำเนินงานดีกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ไปแล้ว ขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างฟื้นตัว จุดที่น่าสนใจคือ โรงแรมบางแห่งมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าก่อนปี 2562 ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม RHG ยังเผชิญความท้าทายในมิติของรายได้ ที่ยังไม่ฟื้นตัวสู่ระดับก่อนโควิด จากปัจจัยด้านเงินเฟ้อ ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนด้านแรงงาน ค่าครองชีพที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค โดยในส่วนของรายได้นั้นอยู่ระหว่างการฟื้นตัวสู่ระดับเดียวกับปี 2562 RHG จึงต้องบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และยังต้องให้บริการแก่ลูกค้าภายใต้มาตรฐานที่ดีที่สุดเช่นกัน
นายเอลลี่กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันแบรนด์โรงแรมในเครือเรดิสัน ที่เปิดให้บริการและอยู่ระหว่างดำเนินการมากกว่า 1,700 แห่งใน 120 ประเทศทั่วโลก โดยประมาณ 20-30% เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย ในอนาคต RHG มีแผนขยายสัดส่วนโรงแรมในทวีปเอเชียมากขึ้นเป็น 65%
ตลาดทวีปเอเชียยังมีโอกาสเติบโตในอนาคตอีกมาก เรามีแผนขยายโรงแรมระยะยาว 5 ปี เตรียมเปิดตัวโรงแรม 200-250 แห่งในทวีปเอเชีย แบ่งเป็น 150-200 แห่งในประเทศจีน และ 50-60 แห่งนอกประเทศจีน นายเอลลี่กล่าว
ส่วนประเทศไทย เวียดนาม ลาว เมียนมา RHG มีแผนขยายโรงแรม 12-15 แห่งต่อปี ใน 5 ปีข้างหน้า โดยราว 8-10 แห่ง หรือราว 70% จะอยู่ในประเทศไทย ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต เกาะสมุย พัทยา โดยประเมินว่า 40% คือการปรับปรุงโรงแรมเก่าที่มีอยู่ และอีก 60% เป็นการลงทุนสร้างขึ้นใหม่ ขณะที่อีก 5-7 แห่งจะอยู่ในเวียดนาม ลาว หรือเมียนมา รวมทั้งหมดราว 1,000 แห่งภายใน 5 ปี
การลงทุนสร้างพร็อพเพอร์ตี้ของหลายเครือโรงแรมในช่วงนี้อาจสร้างผลกระทบในระยะสั้นในเรื่องของโอเวอร์ซัพพลาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปตลาดนักท่องเที่ยวขยายตัวมากขึ้น ก็จะมารองรับซัพพลายห้องพักที่ได้สร้างไว้ได้
นายเอลลี่กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งใน 5 ตลาดสำคัญของ RHG ในทวีปเอเชีย ปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนาในประเทศไทยจำนวน 15 แห่ง โดยเรดิสันคงสัดส่วนโรงแรมกลุ่ม upper scale ไว้ประมาณ 70% ของโรงแรมทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ระบุว่า ใน 12 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามกับโรงแรม 7 แห่ง ภายใต้ 3 แบรนด์ ได้แก่ เรดิสัน เรด, เรดิสัน อินดิวิดวลส์ และพาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน ซึ่งโรงแรมจะตั้งอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวหลักอย่างกรุงเทพฯ หัวหิน พัทยา ภูเก็ต
และใน 12 เดือนข้างหน้า เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป เตรียมเปิดตัวให้บริการโรงแรม 3 แห่ง ประกอบด้วย 1.เรดิสัน เรด ภูเก็ต ป่าตอง บีช ขนาด 390 ห้อง 2.เรดิสัน รีสอร์ท ภูเก็ต ไม้ขาว บีช รีสอร์ตระดับอัพสเกลขนาด 222 ห้อง และ 3.เรดิสัน โฮเทล เพลินจิต กรุงเทพฯขนาด 133 ห้อง
4/7/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 4 กรกฎาคม 2566 )