พฤกษา โฮลดิ้ง โชว์ผลดำเนินงานไตรมาส 1/66 ทำกำไรสุทธิ 652 ล้านบาท เติบโต 18% มีรายได้รวม 6,598 ล้านบาท เติบโต 10% เดินหน้ากลยุทธ์ Seed New Business ลงทุนธุรกิจใหม่ที่เกาะเมกะเทรนด์ เพื่อส่งมอบการอยู่อาศัยที่ อยู่ดี มีสุข ประกาศร่วมทุนกับ นัลลูรี่ (Naluri) บริการให้ปรึกษาสุขภาพกายและใจผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มในไทย
15 พฤษภาคม 2566 นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 652 ล้านบาท เติบโต 18% มีรายได้รวม 6,598 ล้านบาท เติบโต 10%
บริษัททำอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) เพิ่ม 32.8% เทียบกับไตรมาส 1/65 ที่มีกำไรขั้นต้น 29.7% และยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net gearing ratio) ต่ำที่ 0.25 เท่า
รายละเอียด ดังนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้ 6,030 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 จากการโอนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จในไตรมาส 3 และ 4 ปี 2565 จำนวน 6 โครงการ มียอดขาย 4,466 ล้านบาท
ล่าสุด การเปิดขายโครงการแชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา สร้างกระแสตอบรับจากลูกค้าไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดี ทำยอดขายแล้ว 50%
สำหรับในไตรมาส 2/66 มีแผนเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5,910 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ โดยภาพรวมช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้นกว่า 40% ของมูลค่าโครงการใหม่
เรื่องใหม่ ถือเป็นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่พฤกษา โฮลดิ้ง ร่วมมือกับ The Walt Disney Thailand จัดทำแคมเปญ ร่ายสุขเข้าบ้าน ดีลวิเศษ อยู่แล้วสุข
เปิดประสบการณ์ใหม่ ให้ฝันของคนที่อยากมีบ้านเป็นจริง ผ่านดีลโปรโมชั่นพิเศษ Bring the joy to your new Home, Dream Comes True มอบส่วนลดสูงสุด 2 ล้านบาท และดีลวิเศษ 16 รายการ
โดยรายละเอียดเงื่อนไขแตกต่างกัน แต่ละโครงการ ลูกค้าสามารถช็อปซื้อได้ทั้ง 94 โครงการในเครือพฤกษา เงื่อนไขซื้อและโอนภายใน 30 มิถุนายน 2566 นี้
นายอุเทนกล่าวว่า อัพเดตร่วมลงทุนกับบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL จัดตั้ง บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานพรีแคสต์คาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย
ปัจจุบัน ได้รับคำสั่งซื้อและติดตั้ง (Backlog) แผ่นพรีแคสต์จากลูกค้าภายนอกเข้ามาแล้ว 1,200 ล้านบาท สูงกว่าที่พฤกษาฯ เคยตั้งเป้าไว้ ถือเป็นความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นของการแยกหน่วยธุรกิจในครั้งนี้
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ กลุ่มวิมุตมีรายได้ 412 ล้านบาท เติบโต 69% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 มารายได้โรงพยาบาลวิมุต 186 ล้านบาท เป็นรายได้ที่ไม่รวมโควิด เติบโต 90% มีผู้ป่วยนอกเพิ่ม 34% รักษาโรคที่มีความซับซ้อนขึ้น และมีคนไข้ต่างชาติสูงขึ้น 10%
และเมื่อรวมกับรายได้จากโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ซึ่งมีรายได้กว่า 226 ล้านบาท
ล่าสุดกลุ่มวิมุตต่อยอดพันธกิจส่งมอบการอยู่อาศัย อยู่ดี มีสุข ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริการศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ ซีเนร่า วิมุต เฮลท์ เซอร์วิส ที่ถนนคู้บอน
แผนลงทุนในครึ่งปีหลัง 2566 เตรียมเปิดศูนย์สุขภาพเวลเนสแห่งใหม่ในชุมชนโครงการพฤกษาอีก 2 แห่ง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย และส่งเสริมชุมชนสุขภาพดี
นอกจากนี้ โรงพยาบาลวิมุต ขยายขอบเขตความร่วมมือกับโรงพยาบาลรามาธิบดี จากการให้บริการผ่าตัด ไปยังให้บริการด้านคีโมเทอราปี (Chemotherapy) และการทำ Sleep Test ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยยึดหลัก คนไข้ได้รับบริการที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม และลดเวลารอคิว
นอกจากนี้ ได้ประกาศร่วมทุนกับ Naluri Hidup Sdn Bhd ถือหุ้นใน บจ.นัลลูรี่ เทอราพิวติกส์ ผู้ให้บริการทางสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจผ่านทางแอพพลิเคชั่น ให้แก่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) และบุคคลทั่วไป (B2C) ในไทย
เน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยทีมโค้ชสุขภาพของ Naluri ที่ประกอบด้วยนักจิตวิทยา นักกำหนดอาหาร แพทย์ ฟิตเนสโค้ช และโค้ชด้านอาชีพการงาน เพื่อให้ผู้รับคำปรึกษาบรรลุเป้าหมายทางสุขภาพที่ได้ตั้งใจไว้
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อลดน้ำหนัก คุมความดัน คุมเบาหวาน คุมระดับไขมัน หรือจัดการกับความเครียด ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะเชื่อมโยงธุรกิจเฮลท์แคร์สู่คนไทยและลูกบ้านของพฤกษาฯ
ด้วยการต่อยอดธุรกิจด้านต่าง ๆ ในเครือ และแผนการดำเนินงานที่บริษัทวางไว้ คาดว่าจะสามารถทำให้บรรลุเป้าหมายรายได้ตามที่ตั้งไว้ นายอุเทนกล่าว
15/5/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 15 พฤษภาคม 2566 )
