พราว เรียลเอสเตท ของตระกูลลิปตพัลลภ ผนึก โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ปิดดีลซื้อ 2 คอนโดมิเนียม นิว ดิสทริค อาร์ 9 และ นิว ครอส คูคต สเตชัน มูลค่ารวม 8,623 ล้านบาท หนุนผลงานกลุ่มพราวโตก้าวกระโดด ดันแบ็กล็อกแตะ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี จากเดิมวางแผนไว้ 5 ปี ด้านโนเบิลจ่อรับรู้กำไรพิเศษ Q3/66
วันที่ 14 มิถุนายน 2566 นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า บริษัทลงนามสัญญาซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด (KK) และ บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด (PA9) ในสัดส่วน 100% จาก บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) หรือ NOBLE และบริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด (TNLA)
โดยทั้งสองบริษัทพัฒนา 2 โครงการ ได้แก่ นิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) และนิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station ) สำหรับดีลการลงทุนซื้อ 2 คอนโดฯ ในครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่ารวม 1,735 ล้านบาท
ทั้งนี้ นิว ครอส คูคต สเตชัน มียอดขายแล้ว 100% คาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ต้นปี 2567 และนิว ดิสทริค อาร์ มียอดขาย (pre-sales) แล้ว 83% คาดรับรู้รายได้ภายในปี 2568
โดยทั้ง 2 โครงการจะทยอยรับรู้รายได้ทันในปี 2567-2568 ผลักดันให้บริษัทมี Backlog แตะ 10,000 ล้าน จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,180 ล้านบาท
ตามแผนธุรกิจของพราวฯ หลังจากล้างขาดทุนสะสมได้แล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราคาดว่าจะทำตัวเลข 10,000 ล้านบาท ได้ภายใน 5 ปี แต่ดีลซื้อคอนโดฯ จากโนเบิลครั้งนี้ ทำให้บรรลุเป้าภายใน 3 ปี จึงกล่าวได้ว่าดีลพิเศษนี้เหมือนกับพราวฯ ซื้อเวลาให้เร็วขึ้นด้วย
ทั้งนี้ PROUD เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) เพื่อระดมทุน 2,490 ล้านบาท แบ่งเป็น ออกหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering : RO) อัตราส่วน 1.80 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 1.75 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าไม่เกิน 624 ล้านบาท
และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อเป็นเงินทุนและเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงาน อีก 1,890 ล้านบาท
ความร่วมมือกันครั้งนี้ ถือเป็นสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ PROUD ผลักดันให้รายได้ แตะ 10,000 ล้านบาท ในปี 2569 จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสการเติบโตยั่งยืน และติด Top10 บริษัทอสังหาฯ ในอีก 5 ปีหน้า
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า การขาย 2 คอนโดฯ ภายใต้บริษัทร่วมทุนของโนเบิลฯ ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการต่อยอดธุรกิจ ภายใต้การเป็น Strategic Partner ร่วมกันของทั้ง 2 บริษัท สร้างมูลค่าเพิ่มสู่การต่อยอดและการเติบโตให้กับ NOBLE และ PROUD ในอนาคต
ผมเคยเป็น CEO ให้กับพราว เรียลเอสเตทมาก่อน ดังนั้น NOBLE กับ PROUD จึงเหมือนเป็นพี่กับน้อง ดีลธุรกิจที่เกิดขึ้นจึงออกมาในรูปของวิน-วินเกม ชนะด้วยกันทั้งคู่ นายธงชัยกล่าว
สำหรับ การขาย 2 คอนโดฯ เป็นไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินการของบริษัท ที่ต้องการสร้างอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Maximize Return on Equity (ROE) และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงที่สุด Internal Rate of Return (IRR) )
จากการลดระยะเวลาการถือครองและรับรู้กำไรที่สมเหตุสมผล โดยโครงการร่วมทุนทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จในการขายอย่างสูง
มูลค่าขายของทั้ง 2 โครงการถือเป็นการขายในมูลค่าที่สร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของกำไรที่รับรู้ได้และกระแสเงินสดที่ได้กลับมา รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่จะได้รับมากขึ้นจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่สูงขึ้น
หากเทียบกับการถือครองจนจบโครงการในฐานะเป็นผู้บริหารโครงการร่วมทุน การขายในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และสามารถนำเงินสดมาหมุนเวียนเพื่อนำไปลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอีกด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นการปรับ Portfolio ของโครงการร่วมทุน เพื่อที่จะเพิ่มโครงการร่วมทุนใหม่ๆ ในอนาคต อัพเดตล่าสุด มีโครงการร่วมทุนกับ TNLA รวมทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่ารวม 34,800 ล้านบาท
NOBLE ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้บริหารทั้ง 2 คอนโดฯ เหมือนเดิมทุกประการ โดยคอนโดฯ ยังคงใช้แบรนด์นิว, การก่อสร้างตามข้อผูกพันเดิมกับลูกค้าตามสัญญาจะซื้อจะขาย, การบริหารจัดการหลังการขาย, การรับประกันผลงานก่อสร้าง เพื่อให้ไม่มีผลกระทบใดๆ กับลูกค้า
สำหรับกระบวนการขายเงินลงทุนและโอนหุ้นใน PA9 และ KK รวมถึงเงินกู้ยืมผู้ถือหุ้นบางส่วน จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วนแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 ส่งผลให้ NOBLE สามารถบันทึกกำไรพิเศษในไตรมาส 3/2566 นี้
14/6/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 14 มิถุนายน 2566 )
