เอพี ไทยแลนด์ แข็งแกร่งต่อเนื่อง โชว์รายได้ครึ่งปีแรกรวม 25,270 ล้าน กำไรทะลุ 3,300 ล้าน ฐานะการเงินแข็งแกร่งพร้อมเดินหน้าไปต่อ ด้วย D/E ที่ต่ำเพียง 0.51 เท่า วงเงินสดพร้อมใช้ 13,600 ล้านบาท เร่งปูพรม 160 โครงการทั่วไทย เพื่อชีวิตดี ๆ ที่เลือกเองได้ ยอดขาย 7 เดือน 29,960 ล้านบาท เกินครึ่งทางของเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ 50,000 ล้านบาท พร้อมส่งอภิทาวน์ 3 จังหวัดใหญ่ อุดรธานี, อภิทาวน์-ฉะเชิงเทรา-อุบลราชธานี
วันที่ 9 สิงหาคม 2565 นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บริษัทยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนได้จากอัตราการเติบโตทางตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรก 2565 บริษัทสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่น ๆ สูงสุดถึง 25,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% หากเทียบกับครึ่งปีแรก 2564 ที่ทำได้ 20,506 ล้านบาท
ด้านกำไรสุทธิมากถึง 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 2,518 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเท่ากับ 0.51 เท่า พร้อมมูฟออนไปต่อแบบไม่สะดุดด้วยวงเงินสด (Availably Credit Line) พร้อมใช้ 13,607 ล้านบาท ทั้งหมดคือความสำเร็จจากการเตรียมองค์กรให้พร้อมตั้งรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
มูฟออนไปต่อเพื่อถึงเป้ารายได้ทั้งปี 47,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมยังคงเป็นคีย์ไดรฟ์สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับบริษัท ควบคู่กับการกลับมาของตลาดคอนโดมิเนียมที่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 3/65 บริษัทเตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากการโอนกรรมสิทธิ์ 2 คอนโดมิเนียมใหม่ที่ก่อสร้างเสร็จ ได้แก่ RHYTHM เอกมัย เอสเตท และ LIFE สาทร เซียร์รา
อัพเดตล่าสุด ณ วันที่ 31 กรกฎาคม บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มากถึง 33,637 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
เกินครึ่งทางของเป้ายอดขาย 50,000 ล้านบาท
นายวิทการกล่าวว่า ถึงแม้จะต้องดำเนินธุรกิจท่ามกลางความผันผวน ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ ราคาพลังงานแพง ตลอดจนการปรับตัวขึ้นของต้นทุนด้านต่าง ๆ แต่บริษัทยังคงสร้างนิวเร็กคอร์ดด้านตัวเลขอย่างต่อเนื่อง
ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม บริษัทมียอดขายมากถึง 29,960 ล้านบาท คิดเป็น 60% ของเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ 50,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 45% หากเทียบกับครึ่งปีหลัง 2564 โดยมีสินค้าซูเปอร์สตาร์อย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่ขับเคลื่อนการเติบโตแบบก้าวกระโดด
ขณะที่ยอดขายกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมก็ปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นภาพสะท้อนถึงดีมานด์ตลาดคอนโดฯที่เริ่มฟื้นคืนกลับ อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณที่ดีให้กับตลาดคอนโดฯในภาพรวมอีกด้วย
ปูพรมชีวิตดีๆที่เลือกเองได้กับ 160 โครงการทั่วไทย
ทั้งนี้ บริษัทเดินหน้าตามแผน BREAKTHROUGH ทุกข้อจำกัด โดย ครึ่งปีหลัง 2565 จะมีโครงการพร้อมขายเพื่อส่งมอบชีวิตดี ๆ ที่เลือกเองได้กระจายทั่วกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัดรวมกัน 160 โครงการ มูลค่าพร้อมขาย 122,350 ล้านบาท
โดยทิศทางพัฒนาโครงการในต่างจังหวัด เรายังคงใช้สินค้าแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์ อภิทาวน์ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา อภิทาวน์เปิดโครงการไปแล้วใน 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ระยอง นครศรีธรรมราช เชียงราย อยุธยา แผนลงทุนในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดเพิ่มอีก 3 จังหวัด ได้แก่ อภิทาวน์ อุดรธานี-อภิทาวน์ ฉะเชิงเทรา-อภิทาวน์ อุบลราชธานี
รวมถึงโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกจำนวนมาก ประกอบด้วยทาวน์โฮม 16 โครงการ มูลค่า 16,440 ล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน 18 โครงการ มูลค่า 24,030 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท
บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้พันธกิจใหญ่คือ การส่งมอบชีวิตดี ๆ ที่เลือกเองได้ ด้วยแผนการดำเนินงานที่รัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการบริหารจัดการแบบกระจายอำนาจ ควบคู่การบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างเคร่งครัด
9/8/2565 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (9 สิงหาคม 2565)