8 สิงหาคม 2565 พลิกชะตาอีกรอบ สำหรับงานประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) วงเงินลงทุน 122,041 ล้านบาท
ประชาชาติธุรกิจ สัมภาษณ์พิเศษ ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หลังจากศาลปกครองกลางมีคำสั่ง ยกคำร้อง ตามที่ BTSC ร้องขอให้ระงับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนงานประมูลสายสีส้ม วันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ของ รฟม. (ดูกราฟิกประกอบ)
ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ระยะทางตลอดเส้นยาว 35.9 กิโลเมตร
แบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ส่วน โดยใช้ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็นเซ็นเตอร์หลัก ประกอบด้วย สีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร มี 17 สถานี แบ่งเป็นสถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี วงเงินลงทุนรวม 113,279 ล้านบาท
สีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ ระยะทางที่เหลืออีก 13.4 กิโลเมตร มีจำนวน 11 สถานี จุดเน้นคือเป็นสถานีใต้ดินตลอดสาย วงเงินลงทุนรวม 122,041 ล้านบาท
เมื่อรวมทั้งสองส่วนทำให้รถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันออก+ตะวันตก มีวงเงินลงทุนรวม 113,279+122,041 = 235,320 ล้านบาท
อัพเดตสถานะ สายสีส้มตะวันออก เซ็นสัญญาก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 แบ่งเป็น 6 สัญญา ล่าสุด ณ 31 กรกฎาคม 2565 ความคืบหน้าก่อสร้างในภาพรวมอยู่ที่ 95.94%
ในขณะที่สายสีส้มตะวันออกมีความคืบหน้าก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ เหลียวกลับมาดู สายสีส้มตะวันตก ซึ่งผู้ว่าการ รฟม. ระบุว่าเสียดายต้นทุนเวลา เพราะยังไม่สามารถเปิดไซต์ก่อสร้างเพื่อตอกเสาเข็มต้นแรก จากสาเหตุขั้นตอนการประมูลมีความล่าช้าออกไป
รันขั้นตอนประมูลเสนอ กก.มาตรา 36
พลันที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้ว่าการ รฟม. ภคพงศ์ กล่าวว่า การคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนสายสีส้ม ซึ่งเปิดให้ยื่นซองข้อเสนอประกวดราคาวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 และมีเอกชน 2 รายยื่นข้อเสนอ
โดย รฟม.ได้เปิดซองที่ 1 ข้อเสนอด้านคุณสมบัติ เมื่อ 1 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้มอบหมายบริษัทที่ปรึกษาประเมินและสรุปเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ข้อเสนอประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มเปิดให้เอกชนยื่นทั้งหมด 4 ซองด้วยกัน ได้แก่ ซองที่ 1 ข้อเสนอด้านคุณสมบัติ, ซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนิค, ซองที่ 3 ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน มีรายละเอียด 3.1 บัญชีปริมาณงานโยธา ระบบรถไฟฟ้า เดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง 3.2 แผนธุรกิจและแผนการเงิน 3.3 ตารางผลตอบแทนที่จะให้แก่ รฟม. และหรือเงินสนับสนุนค่างานโยธาที่จะขอรับจาก รฟม.
และซองที่ 4 ข้อเสนออื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการให้บริการ การดำเนินงานของ รฟม.
เป้าประมูลจบปี65-ตอกเข็มต้นปี66
คำถามถึงขั้นตอนหลังมีคำสั่งศาลปกครองกลางวันที่ 8 สิงหาคม 2565 คำอธิบายขั้นตอนคือ ตอนนี้ที่ปรึกษาที่ รฟม.จ้างมาช่วยประเมินข้อเสนอแล้วเสร็จและส่งมอบให้คณะกรรมการ ม.36 ได้ภายในสัปดาห์ถัดไป พอให้คะแนนซองที่ 1 เสร็จแล้วจึงจะสามารถเปิดซองที่ 2 ซึ่งเป็นซองเทคนิค
ส่วนเวลาขึ้นอยู่กับการนัดหมายของกรรมการ ม.36 แต่ที่ผมประมาณการคือภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งต้องดูองค์ประชุมด้วย เพราะกรรมการแต่ละท่านก็เป็นข้าราชการระดับสูง ต้องให้เกียรติท่านด้วยนะครับ
หลังจากผ่านซองที่ 2 ขั้นตอนก็ทำซ้ำด้วยการให้ที่ปรึกษาประเมินข้อเสนอด้านเทคนิคที่คาดว่าต้องใช้เวลามากขึ้น เพราะมีถึง 3 งาน โยธา-ติดตั้งระบบรถไฟฟ้า-เดินรถ ซึ่งถือเป็นส่วนหลักของการจัดทำข้อเสนอด้านเทคนิค คาดว่าใช้เวลาในส่วนของที่ปรึกษาไม่เกิน 2 สัปดาห์ และนัดหมายกรรมการ ม.36 เพื่อพิจารณาต่อไป
จะเห็นว่าขั้นตอนการเปิดซองประมูลต้องใช้เวลาอีกพอสมควร อย่างไรก็ตาม รฟม.ทำหน้าที่เป็นฝ่ายธุรการและสนับสนุนการทำงานของกรรมการ ม.36 ถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากให้สามารถเริ่มต้นเปิดไซต์ก่อสร้างภายในต้นปี 2566 นี้ นั่นหมายความว่าภายในสิ้นปี 2565 จะต้องมีข้อสรุปผู้ชนะประมูล
ถ้าทุกอย่างราบรื่นแล้วก็ไม่มีคดีฟ้องร้องอะไรที่จะมาขัดจังหวะกันอีก ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น นี่คือสิ่งที่ผมประสงค์นะครับ แต่ในการทำงานก็จะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันกับ thirds party บ้างอะไรบ้าง ก็มีเรื่องคดีต่าง ๆ ตามที่เป็นข่าว ก็ต้องไปชำระสะสางเรื่องคดีความ ถึงจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างเต็มตัว
ล่าช้ากว่าแผนแม่บท 2 ปี
คำถามถึงข้อกังวลงานประมูลสายสีส้มตะวันตก คำตอบคือ เป็นขั้นตอนของกฎหมาย ในส่วนของคดี 2 คดีแรกซึ่งมีคำสั่งของศาลปกครองกลางออกมา (ปี 2563) เรายื่นอุทธรณ์ไปแล้ว ต้องรอให้คดีถึงที่สุดก่อน คดีถึงจะมีผลบังคับ
เพราะฉะนั้นในส่วนของ รฟม.เองก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ ประกอบกับล่าสุดในเรื่องคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของ BTSC ซึ่งศาลท่านก็ได้กรุณาเมตตาไม่สั่งคุ้มครองตามที่ผู้ฟ้องร้องขอไป
และ ดังนั้นเมื่อไม่มีคำสั่งห้ามไม่ให้ดำเนินการต่อ รฟม.ในฐานะหน่วยงานของรัฐก็จำเป็นจะต้องเดินหน้าให้เป็นไปตามแผนลงทุน ซึ่งปีนี้เป็นแผนที่ล่าช้าไปกว่าแผนแรกเกิน 2 ปีแล้ว
ความคาดหวังของผู้ว่าการ รฟม. ก็อยากที่จะเดินหน้าเพื่อประโยชน์สาธารณชนให้ได้ใช้รถไฟฟ้าโดยเร็ว เพราะรถไฟฟ้ายิ่งเปิดเร็วเท่าไหร่ ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์ยิ่งมีอัตราที่สูง ซึ่งมีตัวอย่างมาแล้วทั่วโลกว่าถ้ามีโครงข่ายครบ ผู้โดยสารหรือประชาชนที่อาศัยอยู่ในโครงข่ายนั้น ๆ ก็จะเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น
13/8/2565 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (13 สิงหาคม 2565)