ประเทศไทยเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่การเป็นสังคมประชากรผู้สูงวัยอย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
และในปี 2573 คาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.9% ของประชากรทั้งประเทศ
เทรนด์ระดับโลก แนวโน้มอัตราการเกิดของประชากรทั่วโลกลดลง สวนทางกับอายุยืนยาวขึ้นจากพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงหันมาใส่ใจสุขภาพและการรักษา ส่งผลให้คนที่เกิดในยุค Baby Boomers ช่วงปี 2489-2507 ก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างเป็นทางการ
เสี่ยงล้ม ห้องนอน-ห้องน้ำ
คำถามที่เริ่มพบบ่อยมากขึ้นในยุคนี้คือ บ้านแบบไหนสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีต่อสภาวะผู้สูงวัย
ประเด็นนี้ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA-Home Builder Association) โดย วรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน นำเสนอไอเดียแบบบ้านที่เหมาะสมสำหรับการพักอาศัยหลายเจเนอเรชั่น โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุพักอาศัยภายใต้หลังคาเดียวกัน
การมีคุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากสภาพแวดล้อมแล้ว ด้านการออกแบบที่อยู่อาศัยให้สอดรับกับการใช้ชีวิตที่คำนึงถึงด้านความปลอดภัยและมีความสุข ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปจะประสบปัญหาการหกล้ม และแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น
โดยบริเวณที่เกิดการหกล้มบ่อยมี 2 ฟังก์ชั่นหลัก ๆ คือ ห้องนอน-ห้องน้ำ ดังนั้น เทรนด์ใหม่ของการอยู่อาศัยในสังคมผู้สูงอายุ ต้องใส่ใจทั้งด้านกายภาพและสภาพจิตใจของผู้สูงอายุ ออกแบบยังไงให้อยู่แล้วมีความสุข เช่น มีพื้นที่ทำกิจกรรมเลี้ยงสัตว์
ยูนิเวอร์แซลดีไซน์ต้องมี
ทั้งนี้ การหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุภายในบ้านเพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ สามารถเริ่มต้นได้ทุกบ้าน ด้วยการออกแบบที่เหมาะกับผู้อยู่อาศัยทุกวัย (Universal Design) โดยมี 5 หลักการสำคัญ นำมาปรับปรุง-ปรับพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน
ได้แก่ 1.Safety ความปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหกล้ม
2.Easy of use อุปกรณ์ต่าง ๆ ควรใช้งานง่าย สะดวกและออกแรงน้อย
3.Eligible ดีไซน์ให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล
4.Accessibility การจัดพื้นที่และอุปกรณ์ที่เอื้อต่อการเคลื่อนตัว หรือก้าวเดิน
5.Stimulation การฟื้นฟูความมีชีวิตชีวาผ่านการจัดสภาพแวดล้อม
โต๊ะ-ตู้-เตียงล้วนสำคัญ
เริ่มต้นจากการออกแบบ ห้องนอนผู้สูงอายุ ในส่วนพื้นห้องใช้วัสดุลดแรงกระแทกและไม่ควรมีพื้นที่ต่างระดับ เพื่อป้องกันการสะดุดและหกล้ม
ถัดมา เตียงนอน เลือกขนาดให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ปรับระดับความสูงได้ มีราวจับข้างเตียง ฟูกที่นอนไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ที่สำคัญ ต้องกันพื้นที่บริเวณข้างเตียงไว้รองรับในกรณีใช้งานรถเข็นได้
ขณะที่ เฟอร์นิเจอร์ในห้องนอน ควรมีโต๊ะข้างเตียงเพื่อการหยิบจับได้สะดวก รวมทั้ง ตู้เสื้อผ้า-ชั้นวางของ ควรมีระดับความสูงที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน
ภายในห้องนอน มีการติดตั้งราวจับบริเวณที่มีการลุกนั่ง พร้อมติดตั้งไฟส่องสว่างอัจฉริยะที่สามารถเปิด-ปิดอัตโนมัติ มีระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวระหว่างเตียงนอนไป-กลับห้องน้ำ
รวมทั้ง ประตู แนะนำให้ใช้แบบบานเลื่อนเปิด-ปิด ที่มีระบบรางแขวนด้านบนตัวล็อก ใช้งานง่าย และไม่ต้องออกแรงมากนัก
โซนเปียก-แห้งคือความใส่ใจ
ฟังก์ชั่นหลักที่ต้องให้ความสำคัญคือ ห้องน้ำ แนะนำว่าขนาดของห้องน้ำที่ควรกว้างอย่างน้อย 200 เซนติเมตร เพื่อรองรับการใช้รถเข็น
พร้อมกับจัดแบ่งพื้นที่โซนห้องน้ำเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน โดยพื้นที่ โซนแห้ง การเลือกใช้อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังที่สามารถรองรับน้ำหนักการเท้าแขนของผู้สูงอายุ ส่วนโถสุขภัณฑ์ควรเป็นแบบนั่งราบ ติดตั้งในระดับความสูงที่เหมาะสมเพื่อให้ลุกนั่งง่าย เท้าไม่ลอย และติดตั้งราวจับบริเวณข้างโถสุขภัณฑ์
ส่วนพื้นที่ โซนเปียก เลือกใช้ที่นั่งอาบน้ำในขนาดและความสูงเหมาะกับผู้สูงอายุ รวมทั้งต้องแข็งแรงรับน้ำหนักได้ดี
สำหรับ ก้านฝักบัว สามารถปรับระดับความสูงได้ และเลือกใช้วาล์วเปิด-ปิดน้ำ ที่สามารถคุมอุณหภูมิได้ พร้อมติดตั้งราวจับบริเวณพื้นที่อาบน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถยึดเกาะป้องกันการลื่นล้มได้
ที่สำคัญ ควรใช้กระเบื้องปูพื้นที่มีค่าความฝืดตั้งแต่ R10 ขึ้นไป เพื่อป้องกันการลื่นล้ม รวมไปถึงการติดตั้งราวจับโดยเฉพาะพื้นที่อาบน้ำ
ทั้งนี้ การสร้างบ้านและการออกแบบบ้านแนวคิดใหม่เพื่อรองรับสมาชิกสูงวัย ต้องใส่ใจลงลึกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสิ่งกีดขวางบนพื้นให้น้อยที่สุด การออกแบบประตูทางเข้าให้มีความกว้างมากกว่าปกติเพื่อรองรับการใช้งานรถเข็นทั้งที่ใช้งานปกติ และในเวลาฉุกเฉิน
23/6/2565 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (23 มิถุนายน 2565)