info@icons.co.th 02 810 8892-6 3.149.213.209

อาวุธลับแสนสิริ อู้ พหลโยธิน ปฏิวัติดีไซน์บ้านแนวราบ 40 โครงการ

Residential News / ข่าวหมวดที่พักอาศัย

เทพเจ้าแห่งการสร้างแบรนด์วงการอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยค่ายแสนสิริ ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง-ปฏิวัติวงการอีกครั้ง ด้วยการประกาศปฏิวัติดีไซน์แบบบ้านแนวราบใหม่หมดยกแผง โฉมใหม่เริ่มเห็นตั้งแต่โครงการใหม่ปี 2564 จำนวน 9 โครงการ และบรรจุในแผนอีก 40 โครงการสำหรับปี 2565

ผู้บริหารที่ทำงานหนักมากอีกคนหนึ่งของบริษัท “อู้-นพปฎล พหลโยธิน” ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เซตทีม DSD-Sansiri Design Solution Department ฝังไว้ในผังโครงสร้างองค์กร ดรีมทีมที่ผนึกหัวคิดการทำงานระหว่างสถาปนิก-ครีเอทีฟ-อินทีเรียร์ดีไซเนอร์-ฝ่ายการตลาดและการขาย

ในฐานะ CEO ของ DSD วันนี้แสนสิริพร้อมแล้วสำหรับการนำเสนอดีไซน์แนวราบทั้งบ้านหรู-บ้านแฝด-ทาวน์โฮมที่มีอยู่ 10 แบรนด์ด้วยกัน เริ่มจาก “บ้านแสนสิริ นาราสิริ Bu Gaan เศรษฐศิริ บุราสิริ Demi สราญสิริ อณาสิริ สิริ เพลส ฮาบิเทีย” เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคหลังยุคโควิด บนแนวคิดที่อยู่อาศัยจะต้องเป็น Dream Destination เท่านั้นจึงจะชนะตลาดในปี 2565

ตั้งวอร์รูมดีไซน์ “DSD”

“อู้ พหลโยธิน” เปิดประเด็นว่า จากผลการวิจัยแสนสิริเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของคนอยากมีบ้านในประเทศไทย เราก็อยากทำยังไงให้เป็นผู้นำอย่างนี้ต่อไป บริษัทไม่ได้คิดทำออกแบบอย่างเดียว แต่เป็นแบรนด์ที่ฟังผู้บริโภค เราทำรีเสิร์ชถึงการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ให้ตอบโจทย์ลูกค้าในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

นิยามบ้านของเราไม่ใช่เป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่บ้านเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตดี ๆ ของทุกคน เป็นนิยาม made for life ง่าย ๆ คือ เพื่อชีวิตที่ดีของทุกคน การทำรีเสิร์ชข้อมูล รวมถึงเก็บข้อมูลจากที่ฝ่ายขายพูดคุยกับลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาโปรดักต์ด้วย เพราะเราเป็น customer centric brand จึงทำให้เกิดการปฏิวัตินี้ขึ้น

ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้ปฏิวัติขึ้นมา เพราะฉะนั้น เราจะมาทำแบบซ้ำ ๆ ไม่ได้ ต้องยกระดับการดีไซน์ จึงมีการก่อตั้ง Sansiri Design Solution Department หรือ DSD ขึ้น

ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนที่เราพยายามทำรีเสิร์ชแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ตอนนี้เราตอบสนองมาและสะท้อนอยู่ในโปรดักต์ดีไซน์ใหม่ว่าสิ่งที่ลูกค้าพูดมาทำยังไงให้เกิดการปฏิวัติ ทำยังไงให้โปรดักต์มีความแตกต่างจากที่เคยมีมาก่อน

ทีม Design Solution ของเรา นอกจากจะมีฝ่ายออกแบบ architect อินทีเรียร์ของบริษัทแล้ว เรายังมีผู้ร่วมทีมจากฝ่ายการตลาด-ฝ่ายขายด้วยเพื่อที่จะทำให้ดีไซน์ฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยกลมกล่อมและตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยมากที่สุด ซึ่งเราเริ่มทำ 2 ปีแล้ว

Bu Gaan

เริ่มต้นที่แบรนด์ “Bu Gaan” เป็นนิยามใหม่ของโครงการ luxury project มีเพียง 14 หลังเท่านั้น exclusive residence มาก เจาะกลุ่มลูกค้าที่อายุไม่มากนัก ประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเขามีความหลากหลาย มีความต้องการ เช่น จะต้องจอดรถได้กี่คัน สามารถ entertain ได้

ในขณะเดียวกัน ช่วงหลังก็มีลูกค้าบอกมาหลายคนเหมือนกันว่า ถึงแม้เราจะอยู่ครอบครัวเดียวกัน บ้านเดียวกัน แต่ละคนอยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง ตอนแรกเราคาดว่า Bu Gaan จะใช้เวลาสักพัก แต่ภายใน 4 เดือนนี้ก็ขายหมดเร็วมาก เป็นแบบแรกที่เราทำ modern มากขนาดนี้ แล้วการปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงการยอมรับของลูกค้า

ซึ่งกลุ่ม young successor ต้องการเพนต์เฮาส์อยู่ชั้นบนสุดและมีพื้นที่ใหญ่โต โครงการนี้จะเป็นกลุ่ม successor ใหม่ที่ต้องการเพนต์เฮาส์แต่มีความ private ด้วย ไม่อยากเข้าไปร่วมใช้ลิฟต์กับคนอื่น ไม่อยากแชร์ car park ไม่อยากใช้สระว่ายน้ำร่วมกัน เพราะฉะนั้น แต่ละหลังมี private swimming pool, private car park, private everything เลย

ก็เป็นอะไรที่รู้สึกว่าผลตอบแทนจากการที่เราไปรีเสิร์ชมันไม่เสียเวลาเลย เพราะ sold out ภายใน 4 เดือน

ต่อไปในอนาคตเราก็จะเริ่มเห็นมากขึ้น เราอาจจะเริ่มที่เซ็กเมนต์ A ก่อนเลย แต่เราไม่ได้หยุดแค่นั้น เพราะที่เป็นแบรนด์ที่ประทับใจไม่ใช่เฉพาะเซ็กเมนต์ A อย่างเดียว ทุกเซ็กเมนต์เลยตั้งแต่ A B C D จนกระทั่ง entry level Bu Gaan โครงการที่ 2 โซนกรุงเทพกรีฑาคือเป้าหมายต่อไปของเรา

“สิริ เพลส” แบรนด์ติดลมบน

พูดถึง entry level เรามีแบรนด์ “สิริ เพลส” บนแนวคิดของ dream destination เป็นแบรนด์ทาวน์เฮาส์ที่เพิ่งเปิดตัว 3-4 ปีที่ผ่านมาด้วยความเป็นผู้นำด้านดีไซน์ เราก็อยากทำทาวน์เฮาส์ที่นอกจากฟังก์ชั่นจะตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว อยากให้ความรู้สึกแห่งความสุขในการได้อยู่และภาคภูมิใจในบ้านหลังแรกด้วย

ซึ่ง target เป็นกลุ่ม first jobber อายุ 20 ปีอัพ อาจเป็นครอบครัวขนาดเล็กหรือเตรียมพร้อมเริ่มมีครอบครัว เรามองเห็น insight อย่างหนึ่งของ target กลุ่มนี้ที่เพิ่งเริ่มทำงาน เขาก็อยากจะท่องเที่ยว การท่องเที่ยวของเขาสำหรับคนที่เริ่มท่องเที่ยวจะคิดถึงอยู่ไม่กี่ประเทศที่เป็นประเทศในฝันของเขา

ถ้าสหรัฐอเมริกาเขาก็คิดถึงนิวยอร์ก ถ้าญี่ปุ่นก็คิดถึงโตเกียวหรือเกียวโต ถ้าเป็นยุโรปจะคิดถึงฝรั่งเศส insight เหล่านี้ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของเขา เรานำมาเป็น inspiration ในการออกแบบดีไซน์และเราพยายาม apply inspiration หรือ design ให้มีความสมจริง ตั้งแต่ main gate ตัวบ้าน พื้นที่ส่วนกลาง

โครงการแรกที่เราประสบความสำเร็จมาก คือ “สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์” เป็นธีมนิวยอร์ก หรือ “สิริ เพลส วงแหวน-ลำลูกกา” มีความเป็นเกียวโต ต้นปี 2565 จะเห็นธีมใหม่เป็นที่เที่ยวในฝันของเราก็คือ ธีมปารีสและอัมสเตอร์ดัมถือว่าเป็นการตอบโจทย์มาก เพราะการเดินทางไปยุโรปหรือนิวยอร์กก็ไม่ได้ไปกันง่าย ๆ เพราะฉะนั้น เวลาคนเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกว่าประทับใจมาก เปิดประตูหน้าบ้านออกมาก็ได้ออกไปเที่ยวใน destination

สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จแล้วอยากจะมีบ้าน dream destination เขาอยากไปไหนบ้าง เราก็ได้มอบ destination นั้น ๆ ให้ ซึ่งก็จะมีปารีส 2 โครงการ คือ “สิริ เพลส” ทำเลเมกาบางนากับพัฒนาการ จะเห็นว่าเราใส่ความหรูหราเข้าไปเต็มที่

ขณะที่ธีมอัมสเตอร์ดัมที่ “สิริ เพลส ดอนเมือง-สรงประภา” กับ “สิริ เพลส พระราม 2” เราไม่ได้หยุดแค่ตัวบ้าน เราเข้าไปที่ตัว interior ของ club house บ้านทุกหลังเนรมิตเป็นอัมสเตอร์ดัมหมดเลย รวมถึงแลนด์สเคปด้วย symbolic หลักของเมืองจะอยู่ในโครงการนี้ แล้วจะรู้เลยว่าคือโครงการจากประเทศไหน

Garden Connect-เศรษฐสิริ

เซ็กเมนต์ถัดมาแบรนด์ “เศรษฐสิริ” พื้นที่บ้านขนาดเท่าเดิม สร้างบนที่ดิน 70-100 ตารางวาต้น ๆ แต่เราพลิกฟังก์ชั่นในบ้านเน้นสเปซสำหรับคนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ภายในบ้านมากกว่าเดิม ปัจจุบันคนอยากมีความสุขกับพื้นที่ในบ้านของตัวเอง

เรามองว่า privacy เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนเซ็กเมนต์นี้ เราทำสเปซภายในบ้านให้เชื่อมต่อกับหลังบ้านซึ่งเป็นสวน เป็นการมอบฟังก์ชั่นข้างนอกให้กับข้างใน และข้างในให้กับข้างนอก สมมุติคุณแม่ชอบทำสวน ตกเย็นก็ไปทำสวนอยู่ในโลกของเขา แต่ตอนนี้อยู่ใน living room ก็ยัง enjoy กับสวนหลังบ้านได้

เราเชื่อมสเปซเข้ามาไว้ด้วยกันเรียกว่า garden connect ซึ่งจะมีคีย์ฟีเจอร์หลักคือดับเบิลวอลุ่มที่เพิ่มความโอ่โถงให้พื้นที่ภายในบ้านได้อีก สมมุติว่าลูกค้าซื้อ 4 ยูนิตติดกัน เท่ากับลูกค้าได้พื้นที่สวนขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ไม่ต้องมีกำแพงได้เลย ก็เป็นอาณาจักรของลูกค้าได้เลย 4 หลัง 1 ครอบครัว

สำหรับเศรษฐสิริเป็นครั้งแรกที่เราทำบ้านตัวอย่างแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าหลังบ้านมีพื้นที่สำหรับทำสระว่ายน้ำ แล้วเชื่อมต่อกับ living room indoor ได้ ซึ่งเราดันพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่ส่วนตัวไปไว้หลังบ้าน

สุดยอดดีไซน์บ้านเดี่ยวในฝัน

แบรนด์บ้านแฝด “อณาสิริ” ปกติจะต้องมีกำแพงชนกัน แต่บ้านแฝดเราออกแบบให้มีความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยว อย่างห้องนอนไม่ได้แชร์กำแพงกัน และเราพยายามออกแบบให้บ้าน 2 หลังมีความแตกต่างกันด้วย

บ้านเดี่ยว “ฮาบิเทีย” จะไม่ได้เห็นบ่อยเพราะเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีความยูนิคอย่าง “ฮาบิเทีย ไพร์ม ราชพฤกษ์” ที่เพิ่งเปิดโครงการมีเพียงแค่ 10 ยูนิตเท่านั้น ดีไซน์บ้านไม่ซ้ำกับใครเลย ราคา 7 ล้านบาท คอนเซ็ปต์ของแบรนด์นี้คือ modern farmhouse

แบรนด์ “สราญสิริ” คอนเซ็ปต์ชัดเจนตั้งแต่ main gate มีเลกวิวอยู่ข้างหน้า เป็นสวนหย่อมเล็ก ๆ เติมเต็มบรรยากาศฟาร์มเฮาส์ให้กับแบบบ้านสราญสิริได้เป็นอย่างดี ความพิเศษของตัวบ้านคือโถงในห้องนอน master สูงมาก และเราใช้กระจกเยอะมากในบ้าน ทำให้รู้สึกถึงความสว่าง ปลอดโปร่ง และบ้านดูใหญ่ เข้าไปในบ้านแล้วจะรู้สึกว่าโปร่งโล่งสบาย

และด้วยบรรยากาศความเป็นฟาร์มเฮาส์ เราจะ enjoy พื้นที่สีเขียวที่อยู่รอบบ้านได้อย่างเต็มอิ่ม เป็นแบบบ้านที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น

ปัจจุบันพฤติกรรมของครอบครัวก็อยากจะมีฟาซิลิตี้ส่วนตัวของแต่ละสมาชิกในบ้าน แบบบ้านใหม่ของเราในทุก ๆ แบรนด์เราออกแบบมาเพื่อที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทุกพื้นที่ของเราทุกคนสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่ ทุกคนมีมุมของตัวเอง และวิถีชีวิตใหม่ ณ วันนี้เราใช้ชีวิตที่บ้านมากขึ้น เพราะฉะนั้น เราทำยังไงก็ได้บนพื้นที่บ้านให้ทุกคนอยู่แล้วมีความสุขไม่ต้องออกไปหาความสุขนอกบ้าน

สเปซของเราทุกโครงการจะมี backyard มีสวน มีพื้นที่ออกกำลังกายครบทุกฟาซิลิตี้ ถึงแม้จะออกจากบ้านแต่ไม่ต้องออกจากโครงการ เพราะยังมีฟาซิลิตี้ทุกอย่างที่คอยตอบรับ เราให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง ความร่มรื่น สระว่ายน้ำ backyard ทุกคนมีกิจกรรมนอกบ้านได้อย่างมีความสุข

Demi ต่อยอด Bu Gaan

แบรนด์ “Demi” เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ครึ่ง ๆ เป็นกลุ่ม target ใหม่ที่เรารีเสิร์ชมา คือ อยากอยู่ในเมืองแต่ทำใจไม่ได้เพราะอยู่ในคอนโดฯพื้นที่เล็กมาก หรือคนเมืองที่อยู่ในคอนโดฯอยากได้พื้นที่เพิ่มขึ้น แต่จะให้ไปอยู่บ้านเดี่ยวไกล ๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

แบรนด์นี้จะเป็นการผสมผสานที่ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นความลักเซอรี่โมเดิร์นเหมือนอยู่คอนโดฯ แต่ก็ยังได้พื้นที่ที่ใหญ่โตเหมือนกับอยู่บ้านเดี่ยว เป็นโลเกชั่นที่ไม่ได้อยู่กลางเมืองเป๊ะ แต่ก็ไม่ได้ออกไปข้างนอก เป็นคนที่ชอบธรรมชาติแต่ก็ไม่ถึงกับขนาดทำสวนบนที่ดิน 120 ตารางวา

เพราะฉะนั้น แบรนด์นี้จะเรียกว่าเป็นน้องของ Bu Gaan ก็ได้ เขามีความกึ่ง ๆ มนุษย์ชาวเมือง เป็นคนที่ยังติดชีวิตในเมืองแต่ไม่อยากอยู่คอนโดฯอยากอยู่บ้าน เพราะบ้านมีฟังก์ชั่นอะไรที่เหนือกว่าคอนโดฯ ฉะนั้น แบรนด์นี้จะมาตอบโจทย์คนที่ยังอยากมีไลฟ์สไตล์อยู่ในเมือง แต่อยากกลับบ้านมาแล้ว enjoy กับพื้นที่ที่มากขึ้น ใหญ่ขึ้น เดินทางสะดวก ราคา 17.9-35 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวต้นปี 2565

ไพรออริตี้การตัดสินใจซื้อ

สำหรับปัจจัยการเลือกซื้อบ้านของคนยุคนี้มีความสอดคล้องกันในเรื่องของแบรนด์ ดีไซน์ ราคา โลเกชั่น ลูกค้าเลือกแบรนด์เพราะมีความมั่นใจระดับหนึ่งแล้วว่าแบรนด์นี้ตอบโจทย์สิ่งที่เขาต้องการ ถ้าแบรนด์เราชัดเจนซะอย่าง…เปรียบเทียบกับการซื้อรถยนต์คนก็รู้แล้วถ้าซื้อเบนซ์จะได้อะไร ซื้อ Toyota จะได้อะไร แต่ละแบรนด์มีความชัดเจนของเขา

ลูกค้าของแสนสิริมีความมั่นใจอยู่แล้ว เราก็ต้องมีเทสต์ดีในระดับหนึ่ง ดีไซน์ต้องออกมาสวยงาม ส่วนใหญ่แล้วใช้งานได้จริง เราใช้วัสดุดี ทนทาน ที่สำคัญ after sales services ของ “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” (บริษัทลูกแสนสิริ) ไม่ว่าจะเป็น security, maintenance มันมีรายละเอียดเยอะมากที่ทำให้ลูกค้าเลือกแบรนด์แสนสิริในทุกวันนี้

ลูกค้าจะมองอันดับแรก คือ โลเกชั่นที่เขาอยากได้ สะดวก ใกล้ที่ทำงาน แต่สุดท้ายแล้วตัวตัดเชือกอาจจะไม่ใช่ราคา แต่คือเรื่องของ after sales services ซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา ลูกค้ามองว่าบ้านคือสิ่งที่อยู่กับเราไปนาน การที่เขาอยู่แล้วมีความสุข เพื่อนบ้านดี จะทำให้ระยะยาวดีกับเขา เขามั่นใจว่าลูกของเขาจะอยู่ในสังคม อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี

22/11/2564  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (22 พฤศจิกายน 2564)

Youtube Channel