info@icons.co.th 02 810 8892-6 34.227.191.136

TM ลุยธุรกิจสูงอายุครบวงจร ทุ่ม 450 ล้านเปิดโรงพยาบาล-เนิร์สซิ่งโฮม

Hospital News / ข่าวหมวดโรงพยาบาล

เทคโนเมดิคัลกางโรดแมปแตกไลน์ธุรกิจ ทุ่มงบฯ 450 ล้านบาท ลุยเดย์แคร์ โฮมแคร์ เนิร์สซิ่งโฮม โรงพยาบาลเฉพาะทาง เจาะสูงวัยครบวงจร หวังรับกระแสปี’65 เข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ ตั้งเป้าศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบบูรณาการครบวงจร

นายแพทย์นพดล นพคุณ ผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด ในเครือ TM หรือเทคโนเมดิคัล ผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์รายใหญ่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ทีเอ็มได้แตกไลน์ธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ หรือเนิร์สซิ่งโฮม ควบคู่กับการสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางเกี่ยวกับผู้สูงวัย เพื่อขยายโอกาสในอุตสาหกรรมผู้สูงวัยที่จะเติบโตขนานไปกับจำนวนประชากรผู้สูงอายุในประเทศ

ภายใต้โครงการ The Parents ในงบฯลงทุนราว 450 ล้านบาท ซึ่งทีเอ็มจะถือหุ้นที่ 80% และอีก 20% จะถือหุ้นโดยกลุ่มแพทย์ บนพื้นที่ 3 ไร่ บริเวณซอยราษฎร์พัฒนา 2 หรือซอยมิสทีน แบ่งออกเป็น 2 อาคารหลัก ๆ มีพื้นที่ 1,165 ตารางวา ได้แก่ 1.อาคารส่วนโรงพยาบาล จำนวน 28 เตียง ซึ่งจะมีแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) ผู้ป่วยใน (IPD) ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัดและธาราบำบัด แผนกบริการล้างไต รวมไปถึงการแพทย์ทางเลือก ทั้งแพทย์แผนจีน และแพทย์แผนไทยประยุกต์ จะเริ่มก่อสร้างในเดือน ต.ค. ปี 2564 และเปิดในบริการช่วง มี.ค. ปี 2566

และ 2.อาคารเนิร์สซิ่งโฮม สถานที่ดูแลผู้สูงอายุทั้งภาวะพึ่งพิงและภาวะไม่พึ่งพิง ในรูปแบบค้างคืน โดยมีผู้บริบาลคอยดูแลตลอด 24 ชม. บนอาคาร 5 ชั้น เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ค. ปี 2564 คาดพร้อมเปิดบริการ ก.ย. ปี 2565 ในอนาคตมีแผนขยายซื้อพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอีก 1.5 ไร่ รับรถไฟฟ้าเข้าถึง

“จุดสำคัญคือ เราพยายามพิถีพิถันตั้งแต่การออกแบบอาคาร ตลอดจนห้องพักส่วนต่าง ๆ สร้างความผ่อนคลาย ในบรรยากาศน่าอยู่ เพื่อให้กลุ่มผู้สูงอายุไม่รู้สึกเหมือนอยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อเน้นการมีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นหลัก”

นายแพทย์นพดลฉายภาพต่อไปว่า ปัจจุบันตลาดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หลัก ๆ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มติดสังคมมีประมาณ 8.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 79.5% ซึ่งยังเป็นกลุ่มที่ช่วยเหลือตนเองได้ และชอบทำกิจกรรม, กลุ่มติดบ้านประมาณ 2 ล้านคน หรือ 19% เป็นกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ และกลุ่มติดเตียง มีจำนวน 1.6 แสนคน หรือ 1.5% สะท้อนว่าผู้สูงอายุแต่ละกลุ่มมีวิถีชีวิตแตกต่างกัน และเพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค จึงแบ่งบริการออกเป็น 3 บริการ ดังนี้

1.เดย์แคร์ รูปแบบไป-กลับ สำหรับกลุ่มชอบทำกิจกรรม อาทิ วาดรูป ท่องเที่ยว โดยจะสร้างเป็นคอมมิวนิตี้เล็ก ๆ สำหรับผู้สูงวัยที่ชอบทำกิจกรรมกับเพื่อน 2.เนิร์สซิ่งโฮม รูปแบบอยู่อาศัยค้างคืนที่สถานบริการ มีผู้บริบาล พร้อมแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และ 3.โฮมแคร์ สำหรับกลุ่มผู้สูงวัยที่ยังไม่พร้อมอยู่เนิร์สซิ่งโฮม โดยรูปแบบดังกล่าวจะมีแพทย์ช่วยประเมินสถานที่ พร้อมกับมีการแนะนำวิธีการดูแลผู้สูงวัย ตลอดจนเรื่องอาหาร และจัดส่งผู้บริบาลไปดูแลถึงที่ โดยผู้บริบาลต้องทำรายงานส่งให้แพทย์ ขณะที่ต้องมีตัวเคพีไอชี้วัดคุณภาพ ซึ่งทีมผู้บริบาลจะเป็นผู้ที่ผ่านการเทรนนิ่งจากทีเอ็มโดยตรงในโรงเรียนผลิตนักเรียนการบริบาล เป็นศูนย์อบรมบุคลากรเน้นการพัฒนาทักษะให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน (home care) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่มีความต้องการบุคลากรสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

“ปกติศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในแต่ละแห่ง จะเจาะกลุ่มเพียง 1-2 กลุ่ม อาทิ กลุ่มติดเตียง-กลุ่มติดบ้าน แต่จุดเด่นของทีเอ็มเนิร์สซิ่งแคร์ คือ บริการที่หลากหลายและครอบคลุม สามารถจับกลุ่มผู้บริโภคได้ตั้งแต่กลุ่มติดสังคม กลุ่มติดบ้าน ไปจนถึงกลุ่มติดเตียง ทำให้ตลาดค่อนข้างใหญ่มาก”

นอกจากนี้ยังมีบริการสำหรับผู้สูงวัยที่ต้องการเพื่อนหรือผู้ดูแลให้พาไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น วัด ช็อปปิ้ง เป็นต้น หรือกรณีที่ครอบครัวเดินทางไปพักผ่อนต้องการนำผู้สูงวัยไปด้วย แต่ขาดคนดูแลก็จะมีบริการนี้ช่วยตอบโจทย์ โดยจะมีแพทย์และพยาบาลช่วยประเมินเบื้องต้น ซึ่งจุดนี้ก่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี ผู้สูงอายุยังสามารถออกไปข้างนอกและใช้เวลาร่วมกับครอบครัวได้

ด้านนางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็ม กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาบริษัทเดินหน้าปรับกลยุทธ์โครงสร้างธุรกิจ เพื่อมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (recurring income) ให้มีความเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้ หากแผนขยายธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทางสามารถเปิดให้บริการไปตามเป้าหมาย จะทำให้บริษัททยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้เข้ามาเฉลี่ย 100-150 ล้านต่อปี

โดยรายได้ดังกล่าวเข้ามาชัดเจนตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งเชื่อว่ากลยุทธ์การแตกไลน์ครั้งนี้ จะช่วยยกระดับและพัฒนาทีเอ็มสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบบูรณาการครบวงจร

9/7/2564  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (9 กรกฎาคม 2564)

Youtube Channel