นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อเนื่องสำหรับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้นในขณะนี้
โดยนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัวสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสจาก 63 ประเทศ และโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้โรงแรม สถานประกอบการต่าง ๆ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลักได้รับอานิสงส์ค่อนข้างชัดเจน
ประชาชาติธุรกิจ ได้สัมภาษณ์ พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว (พราว กรุ๊ป) เจ้าของและผู้บริหารโรงแรมหรูในเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างหัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) และภูเก็ต ภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัล และฮอลิเดย์อินน์ รวมถึงสวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน ถึงสถานการณ์และแนวโน้มของธุรกิจโรงแรม และภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ไว้ดังนี้
พราวพุธ บอกว่า สถานการณ์โดยรวมของภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมในหัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) และภูเก็ตในขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้นนับตั้งแต่ประเทศไทยประกาศเปิดประเทศเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
โดยปัจจัยที่ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีมี 2 ส่วนหลัก คือ
1.โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยโลเกชั่นหัวหินคึกคักและได้เบเนฟิตมากกว่าภูเก็ต
และ 2.โครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ซึ่งสร้างความคึกคักให้กับภูเก็ตได้พอสมควร แม้ว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามายังมีตัวเลขไม่มากนัก แต่ถือว่าเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นว่าการที่รัฐบาลเปิดประเทศไม่ได้ทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ในส่วนภูเก็ตแซนด์บอกซ์นั้น โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ได้มาร์เก็ตแชร์ประมาณ 20-30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา แต่ถ้านับเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวอาจยังไม่ถือว่ามากนัก แต่ก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง
ยอดจองห้องพักขยับ
พราวพุธ บอกด้วยว่า ส่วนตัวมองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในภาพรวมของประเทศจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าแม้รัฐบาลจะประกาศเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน ฯลฯ เมื่อ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ตัวเลขของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าภูเก็ตไม่ได้ลดลง
เมื่อบวกกับโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ที่ช่วยกระตุ้นการเดินทางของคนไทยด้วย ทำให้อัตราการเข้าพักของอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ทดีขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้อัตราการเข้าพักโดยรวมปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 30% และคาดว่าจะขยับไปได้เกิน 50% ในเดือนธันวาคมนี้
เช่นเดียวกับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ที่มีอัตราการเข้าพักปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70% โดยในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ส่วนใหญ่จะเต็ม 100% ซึ่งอัตราการจองล่วงหน้าสำหรับเดือนธันวาคมนี้ก็อยู่ในทิศทางที่ดีมากเช่นกัน
พรีเมี่ยมเซ็กเมนต์ ขยับก่อน
พราวพุธ ยังบอกอีกว่า กลุ่มบริษัท พราวถือว่าโชคดีมากที่มุ่งจับตลาดบน หรือพรีเมี่ยมเซ็กเมนต์ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะสถานการณ์ในวันนี้และหลังโควิด ตลาดที่ฟื้นตัวก่อนคือ ตลาดระดับบน หรือนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวนี้มีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวเป็นระยะเวลาที่นานขึ้น
นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวของไทยยังสามารถปรับตัวสู่รูปแบบการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อม หรือ sustainable tourism ซึ่งจะทำให้สามารถคิดค่าบริการในอัตราที่เพิ่มขึ้นได้
ถ้าประเทศไทยสามารถขยับไปในจุดนั้นได้จริงก็เห็นด้วย แน่นอนว่าอาจมีผู้ประกอบการเซ็กเมนต์ระดับกลาง-ล่างต้องปรับตัว และต้องหากลุ่มลูกค้าใหม่ให้เจอให้ได้
ขยับแผนเปิด สวนน้ำ ภูเก็ต
สำหรับแผนการลงทุนที่วางแผนไว้นั้น พราวพุธ บอกว่า ในภาพใหญ่ถือว่ายังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง แต่ก็ยอมรับว่าโควิดทำให้ต้องปรับแผนบ้างเล็กน้อย กล่าวคือ ตามแผนเดิมบริษัทมีแผนเปิดให้บริการสวนน้ำที่ภูเก็ตในช่วงปลายปี 2563 แต่เมื่อเจอโควิดช่วงปลายปีทำให้ต้องขยับแผนเปิดให้บริการสวนน้ำภูเก็ตออกไปต้นปี 2565
เดิมทีเดียวเราคิดว่าจะยังไม่เปิดสวนน้ำที่ภูเก็ต เพราะผู้บริโภคบางคนยังกังวล แต่สุดท้ายเราก็ต้องเปิด ถ้ารอให้การท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาก่อนแล้วค่อยเปิดก็คงนานเกินไป ตอนนี้เราเลยกำหนดวันเปิดไว้ในไตรมาส 1 โดยจะโฟกัสตลาดโลคอลไปก่อน
ธุรกิจปีนี้แย่กว่าปีที่แล้ว
ต่อคำถามว่าถ้าเปรียบเทียบผลประกอบการปีนี้กับปีที่ผ่านมาปีไหนแย่กว่ากัน พราวพุธ บอกว่า ในภาพรวมของปีนี้ถือว่าแย่กว่าปี 2563 เนื่องจากในปี 2563 ในช่วงเจอการแพร่ระบาดของโควิดนั้น รัฐบาลประกาศปิดธุรกิจเพียงแค่ประมาณ 1 เดือนครึ่ง
แต่สำหรับปี 2564 นี้รัฐบาลประกาศปิดธุรกิจนานมาก โดยในส่วนของกลุ่มพราวนั้นประกาศหยุดกิจการไปถึง 5 เดือน มีเวลาทำธุรกิจเพียงแค่ในไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ซึ่งในไตรมาส 1 นั้นเป็น 3 เดือนที่เปิดในลักษณะไม่ปกติ คนไม่ค่อยกล้าเที่ยว จะเหลือเพียงช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีเท่านั้นที่ค่อนข้างดี
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศปีนี้ทั้งผู้ประกอบการ และผู้บริโภคเริ่มปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิดได้แล้ว
หัวหิน รีชาร์จ เริ่มส่งผลบวก
ต่อคำถามที่ว่า สำหรับโครงการ หัวหิน รีชาร์จ ที่เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น มีผลในเชิงบวกชัดเจนหรือยัง พราวพุธ บอกว่า ในเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นเดือนแรกนั้นยังไม่เห็นผลชัดเจนนัก
อย่างไรก็ตาม พบว่าแนวโน้มอัตราการจองห้องพักล่วงหน้า หรือ forward booking เดือนธันวาคมนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น และเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในกลุ่มตลาดยุโรป ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของหัวหิน
เน้นบริหารแบบ Flexible ที่สุด
เมื่อถามว่าประเมินแนวโน้มสำหรับปีหน้าอย่างไรบ้าง พราวพุธ บอกว่า น่าจะดีกว่าปีนี้แน่นอน เนื่องจาก 1.คนในประเทศเริ่มเปลี่ยนไมนด์เซต จากเดิมที่คิดว่าการแพร่ระบาดต้องเป็นศูนย์ ตอนนี้ทุกคนยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้
และ 2.ทุกคนเริ่มเรียนรู้ ปรับตัว เรื่องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดแล้ว เมื่อทยอยเปิดประเทศ ต่างประเทศเริ่มเดินทางเข้า ทุกคนก็มีความระมัดระวังตัวเอง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต่อให้มีการแพร่ระบาดรอบใหม่เกิดขึ้น รัฐบาลก็คงไม่ปิดทั้งประเทศเหมือนที่ผ่านมา
โดยในมุมของ พราว กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการนั้น การเฝ้าระวังการแพร่ระบาดระลอกใหม่ถือเป็นประเด็นจำเป็น ขณะเดียวกันการบริหารคนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรองรับการฟื้นตัวก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องมีความยืดหยุ่น หรือ flexible มากที่สุด และมี fixed cost ต่ำที่สุด
12/12/2564 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (12 ธันวาคม 2564)