
เจ้าสัวใบหยก ทุ่มงบฯ 500 ล้านบาท เปิดศูนย์รวมยา เวชภัณฑ์ โรงแรม 4 ดาว ย่านอนุสาวรีย์ชัย ตรงข้าม รพ.ราชวิถี
มติชน รายงานเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ระบุว่า นายพันธ์เลิศ ใบหยก ประธานกรรมการเครือโรงแรมใบหยก เปิดเผยว่า บริษัทได้เช่าที่ดินสำนักงานพระคลังข้างที่ (สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เดิม) ถนนราชวิถี ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตรงข้ามกับโรงพยาบาลราชวิถี โดยทำสัญญาเช่าระยะยาว เพื่อลงทุนพัฒนาโครงการศูนย์รวมร้านยา เวชภัณฑ์และโรงแรม ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท มงกุฎชัย จำกัด ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท
โดยรูปแบบโครงการด้านหน้าจะก่อสร้างเป็นอาคารขนาด 4 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่อาคารรวมประมาณ 8,000 ตร.ม. เพื่อใช้เป็นพื้นที่พาณิชยกรรมและจอดรถยนต์ ซึ่งภายในอาคารจะจัดสรรพื้นที่สำหรับให้ร้านขายยาทุกประเภทเช่า ตั้งเป้ากว่า 100 ร้านค้า เพื่อทำเป็นศูนย์รวมยาและเวชภัณฑ์
ส่วนด้านหลังจะก่อสร้างเป็นอาคารขนาด 5 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่รวมประมาณ 2,993 ตร.ม. เพื่อใช้เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 70 ห้อง ราคาค่าห้องประมาณ 3,000 บาทต่อคืน ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เป็นประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการโรงพยาบาลราชวิถีและมาจัดประชุมสัมมนา จะเริ่มงานก่อสร้างตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 และใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2570
ที่เราสนใจเพราะเราเป็นนักพัฒนาอสังหาเชิงพาณิชยกรรมอยู่แล้ว ทั้งศูนย์การค้าและโรงแรม ซึ่งโครงการนี้เป็นครั้งแรก ที่เราขยายสู่ธุรกิจศูนย์รวมยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งที่ดินบริเวณนี้เมื่อก่อนเป็นร้านขายยาอยู่แล้ว เราก็มาลงทุนพัฒนาทำเป็นพื้นที่ให้เช่า และให้เป็นศูนย์รวมร้านขายยาและเวชภัณฑ์ทุกประเภท ทำให้ผู้ซื้อมีความสะดวกมากขึ้น เพราะมาที่นี่จะมีทุกอย่างครบ นายพันธ์เลิศกล่าว
นายพันธ์เลิศกล่าวว่า สำหรับการขยายลงทุนโรงแรมเพิ่ม เนื่องจากมองว่าปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวหลังโควิดแล้ว แม้ว่าในขณะนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลงอย่างมากก็ตาม แต่ภาพรวมอัตราการเข้าพักโรงแรมของเครือใบหยกยังคงค่อนข้างสูง โดยมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80%
อย่างโรงแรมใหม่ที่เพิ่งเปิดบริการไป คือ โรงแรมควินส์แลนด์ อยู่บนถนนศรีอยุธยา สูง 23 ชั้น มีห้องพักกว่า 300 ห้อง ได้รับตอบรับจากลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติเข้ามาพักเป็นไปตามเป้าหมาย โดยมีอัตราเข้าพักประมาณ 80% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอเชีย เช่น จีน ไต้หวัน และอินเดียบ้าง
ทั้งนี้แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น จึงทำให้อัตราการเข้าพักลดลงอยู่ที่ 60-70% แต่คาดว่าตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2568 นี้ ซึ่งเข้าช่วงไฮซีซั่นอัตราการเข้าพักจะกลับมาที่ 80% โดยมีปัจจัยจากวันชาติจีนหรือโกลเด้นวีกของจีน ซึ่งแม้ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกรุ๊ปทัวร์จะลดลง แต่ยังมีกลุ่มที่เดินทางมาท่องเที่ยวเองเข้ามามากพอสมควร สะท้อนจากการจองห้องพักที่เพิ่มขึ้นสูง
อยากให้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวออกมา โดยเฉพาะมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น เที่ยวไทยคนละครึ่งหรือเที่ยวลดหย่อนภาษี เป็นต้น นายพันธ์เลิศกล่าว
2/10/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 2 ตุลาคม 2568 )