ปี 2568 นี้และปีต่อ ๆ ไป เราจะโฟกัสธุรกิจเรียลเอสเตตที่เรามีความเชี่ยวชาญ และมุ่งลงทุนโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งอยู่ในธุรกิจเวลเนสและเวลบีอิ้ง และมุ่งรักษาความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
คำกล่าวเปิดเวทีประกาศแผนธุรกิจปี 2568 ของเจ้าพ่อพฤกษาฯ ในวัย 68 ปี ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของและประธานบริษัท ณ วันนี้ นาทีนี้ หวนกลับมานั่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) อีกครั้ง
ต่อยอดพรีคาสต์รุกรับสร้างบ้าน
บนระลอกคลื่นของการเปลี่ยนแปลง บทบาทของการกำกับเชิงนโยบายตกผลึกออกมาได้ว่า พฤกษาฯจะโฟกัส 2 ธุรกิจเสาหลักเท่านั้น คือ 1.ธุรกิจอสังหาฯ หรือโครงการที่อยู่อาศัย แผนธุรกิจเชิงตัวเลข ปีนี้มีเป้าพัฒนา 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 23,500 ล้านบาท 2.ธุรกิจเฮลท์แคร์ที่ประเมินว่าอนาคต 10 ปีนับจากนี้ การเติบโตยังเป็นเส้นกราฟขาขึ้น ตราบใดที่คนยังต้องดูแลสุขภาพ รวมทั้งเมื่อเจ็บป่วยก็ต้องมีการรักษาพยาบาล
เรื่องใหม่ในปีนี้ เส้นคิดของเจ้าพ่อพฤกษาฯ ต่อยอดจากธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งตั้งบริษัทลูก (บริษัท อินโนโฮม คอนสตรัคชัน) เข้ามารับเหมาไซต์งานให้กับบริษัทแม่แล้ว มีการแตกบริษัทลูกเพื่อชิมลางตลาดรับสร้างบ้านเป็นครั้งแรก วางเป้ารายได้คำนวณกลม ๆ อยู่ที่ 1,620 ล้านบาท โฟกัสรับสร้างบ้านบนที่ดินลูกค้าในรูปแบบ Bto C ราคาสร้างบ้านหลังละ 10-30 ล้านบาท
ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์
โดยอินโนโฮมฯ รับเหมาสร้างบ้านให้กับพฤกษาฯโดยตรง กำลังจะแตกบริษัทลูกอีกหนึ่งบริษัทเพื่อทำรับสร้างบ้าน พอร์ตธุรกิจจะมีสัดส่วน 70% รับเหมาให้กับพฤกษาฯ ซึ่งเป็นงานภายในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน อีก 30% แตกไลน์ทำธุรกิจรับสร้างบ้านเจาะลูกค้าบ้านสร้างเองของลูกค้ารายย่อย หรือตัว B to C-Customer ซึ่งเป็นงานลูกค้าภายนอก เป้ารายได้ 5,400 ล้านบาท คำนวณสัดส่วน 30% จึงเท่ากับ 1,620 ล้านบาท
ทุกวันนี้เรามีบริษัทลูก มีธุรกิจรับสร้างบ้านอยู่แล้วคือ อินโนโฮม คอนสตรัคชัน แต่ป้อนดีมานด์ในเครือ ที่ผ่านมาสร้างบ้านให้พฤกษาฯแล้ว 300,000 หลัง ตลาดรับสร้างบ้านที่เรากำลังจะเข้ามาทำปีนี้ อาจใช้แบบบ้านของพฤกษาฯ หรือถ้าต้องการระบบก่อสร้างสำเร็จรูปหรือพรีคาสต์อย่างเดียว เราก็ยินดีเข้าไปรับเหมาติดตั้งให้ หรือมีแบบบ้านจากที่อื่นมาแล้วต้องการให้สร้างตามแบบก็ทำได้ เรายินดีบริการทุกรูปแบบ
เมื่อถามถึงกลยุทธ์แข่งขันในฐานะ New Comer ตลาดรับสร้างบ้าน คำตอบคือ พฤกษาฯ สร้างบ้านให้ 3 เดือนแล้วเสร็จได้ บริษัทรับสร้างบ้านทั่วไปซึ่งเป็นบริษัทรายย่อยอาจใช้เวลา 6-8 เดือน หรือนานกว่านั้น แต่เราทำได้เร็วเพราะใช้พรีคาสต์
กลยุทธ์คู่ขนาน รุกและรับ
ถัดมา ธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2568 วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่ารวม 23,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ มูลค่า 4,900 ล้านบาท, บ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 8,100 ล้านบาท เน้นพัฒนาโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์ และโครงการที่มีจุดเด่นด้านทำเล
กลยุทธ์แบรนด์จะมีการยิงสลุตเปิดตัว 3 แบรนด์ระดับบน เดอะปาล์ม-เดอะรีเซิร์ฟ-แชปเตอร์ พอร์ตสินค้าเซ็กเมนต์ราคาเกิน 7 ล้านบาท มีสัดส่วน 50% เฟ้นทำเลใกล้เมืองมากขึ้น และมีขนาดเล็กลง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน
บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 19,800 ล้านบาท และยอดขายผ่านโครงการร่วมทุน หรือ JV-Joint Venture กับ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้อีก 3,200 ล้านบาท
ในด้านเป้ายอดโอนตั้งไว้ 18,700 ล้านบาท และยอดโอนผ่านดีล JV อีก 1,600 ล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นกำไรจากการลงทุนใน JV
ด้านกลยุทธ์การแข่งขันมีทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เริ่มจาก กลยุทธ์เชิงรับเพื่อรักษาข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน-Strategic Positioning Strategy ปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอ เดินหน้าระบายแลนด์แบงก์ที่ไม่ได้อยู่ในแผนพัฒนาโครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท และพัฒนาโครงการใหม่จากแลนด์แบงก์เดิม 2,900 ล้านบาท, เร่งปิดโครงการ (Sold Out) เพื่อลดค่าใช้จ่ายอีก 31 โครงการ, เพิ่มน้ำหนักพัฒนาบ้านเดี่ยว จากเดิม 40% ทาวน์เฮาส์ 60% ปรับเป็น 50/50 สร้างโอกาสลูกค้าซื้อแล้วต้องรับโอนได้ด้วย
เรื่องเก่าโครงสร้างบริหารเป็นแบบหน่วยธุรกิจย่อย เรื่องใหม่มีการแบ่งโซนนิ่งบ้านแนวราบเป็น 6 โซนหลัก เพื่อทำจุดโฟกัสให้คมชัดขึ้น บริหารจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Stewardship) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีจากอินโนพรีคาสท์ และอินโนโฮม คอนสตรัคชั่น สรุปคือเป็นโซนนิ่งที่บริหารทั้งแผนงาน-เงิน-คน
ขณะที่ กลยุทธ์เชิงรุกเพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย-Resilient Growth Strategy มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ เน้นแบรนด์ระดับอัลตรา-พรีเมี่ยม 2 แบรนด์หลัก เดอะรีเซิร์ฟ-เดอะปาล์ม, สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ส่งเสริมการอยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ (Well-being-focused Collaborative Synergy) และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
ทั้งนี้ บริษัทมีคอนโดฯสร้างเสร็จใหม่ 4 โครงการ การันตีแผนธุรกิจสร้างอัตรากำไรขั้นต้นหรือกรอสมาร์จิ้นไม่ต่ำกว่า 31.3% หรือไม่ต่ำกว่าปี 2567 แน่นอน
ส่วนธุรกิจพรีคาสต์ เตรียมขยายการผลิตและนำเสนอบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยโรงงานพรีคาสต์ซึ่งเป็นโรงงานสีเขียวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กำลังการผลิต 5.2 ล้านตารางเมตร/ปี เป็นโรงงานปลอดขยะ (Zero Waste) และลดคาร์บอนแห่งแรกในไทย ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 2,100 ล้านบาท มองเรื่องการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เช่น ผนังน้ำหนักเบา (Lightweight Wall) กำแพงกันดิน (Retaining Wall) และรั้วสำเร็จรูป (Project Fence)
วิมุตบุกทองหล่อ-สุขุมวิท-ปิ่นเกล้า
และพอร์ตธุรกิจสุขภาพ นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า ปี 2567 กลุ่มวิมุตมีรายได้ 2,187 ล้านบาท เติบโต 20% จากปี 2566 มี EBITDA 112 ล้านบาท รายได้หลักมาจากศัลยกรรม การตรวจสุขภาพ การดูแลเด็ก แผนกฉุกเฉิน แผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ กระดูกสันหลัง สูตินรีเวช และระบบทางเดินอาหาร
ปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1.พัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ทางด้านสุขภาพปอด จักษุ กระดูกสันหลัง ต่อมไร้ท่อ ศัลยกรรม กุมารเวชระบบทางเดินอาหารและตับ หัวใจและหลอดเลือด 2.ยกระดับการดำเนินงานที่เป็นเลิศ การบริหารต้นทุน และการใช้ทรัพยากรในกลุ่มบริษัทร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ จัดซื้อ การตลาด การเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ
และ 3.การพัฒนาด้านสุขภาพและการลงทุน เตรียมเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่ม 3 แห่ง ทองหล่อ-สุขุมวิท 54-ปิ่นเกล้า ปัจจุบันกลุ่มโรงพยาบาลวิมุตมี 40-450 เตียง ในอนาคตภายใน 3 ปีหน้าที่จะลงทุนสร้างใหม่อีก 3 แห่ง คาดว่าจะมีเตียงรองรับผู้ป่วยในทั้งสิ้น 600-700 เตียง
พฤกษา โฮลดิ้ง เดินหน้าสู่อนาคตด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง การขยายธุรกิจพรีคาสต์และก่อสร้างที่ทันสมัย และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่ครบวงจร โดยยึดหลักความยั่งยืน (Sustainability) เป็นแกนหลักของการดำเนินงาน เพื่อสร้างสังคมที่ดีและความมั่นคงและเติบโตในระยะยาว
5/3/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 5 มีนาคม 2568 )
