REIC-ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. รายงานสรุปผลสำรวจซัพพลาย-ดีมานด์ตลาดที่อยู่อาศัย 3 จังหวัดโซน EEC (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564
ซัพพลายเต็มมือ 2.4 แสนล้าน พบว่า ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวนอยู่ระหว่างเสนอขายทั้งสิ้น 1,087 โครงการ รวม 71,831 หน่วย มูลค่า 238,253 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง -5.2% จากปี 2563 มูลค่าลดลง -6.9%แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 48,898 หน่วย มูลค่า 138,271 ล้านบาท อาคารชุด 22,933 หน่วย มูลค่า 99,981 ล้านบาท
โดยมีโครงการเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 จำนวน 7,588 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 5,124 หน่วย มูลค่า 16,051 ล้านบาท อาคารชุด 2,464 หน่วย มูลค่า 6,472 ล้านบาทส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายในพื้นที่ 3 จังหวัด EEC ทั้งสิ้น 60,480 หน่วย ลดลง -6.8% จากปี 2563 มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 203,892 ล้านบาท ลดลง -8.3%
อัตราดูดซับทรงตัว 2.4-2.6% ทั้งนี้ มีหน่วยขายได้ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 จำนวน 11,351 หน่วย เพิ่มขึ้น 4.0% มูลค่าขายได้ใหม่ 34,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับครึ่งปีหลัง 2563 แบ่งเป็นบ้านจัดสรรขายได้ใหม่ 8,348 หน่วย เพิ่มขึ้น 4.4% มูลค่า 23,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% ในขณะที่อาคารชุดขายได้ใหม่ 3,003 หน่วย เพิ่มขึ้น 2.7% มูลค่า 11,216 ล้านบาท ลดลง -5.2% ส่งผลให้ภาพรวมมีอัตราดูดซับดีขึ้นเล็กน้อย โดยปรับขึ้นจาก 2.4% ในช่วงปลายปี 2563 เพิ่มเป็น 2.6% ในช่วงปลายปี 2564
บ้านจัดสรร แปดริ้ว โต 39% ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการ REIC ระบุว่า ในช่วง 2 ปียุคโควิด (2563-2564) การลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ EEC เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลัง 2564 สถานการณ์โดยรวมเริ่มกลับเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัวสาเหตุจากดีเวลอปเปอร์ลดการเติมซัพพลายใหม่เข้ามาในตลาด ส่งผลให้อัตราดูดซับเริ่มดีขึ้น โครงการเหลือขายลดจำนวนลง
โดย ฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของหน่วยขายได้ใหม่มากที่สุด 39.4% มูลค่าขายใหม่เพิ่ม 43.0% มาจากยอดขายบ้านจัดสรรเป็นหลัก ชลบุรีดีขึ้นรอขาย 1.6 แสนล้าน ขณะที่พื้นที่ ชลบุรี หน่วยเหลือขายลดลง -13.2% มูลค่าเหลือขายลดลง -14.2% มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากหน่วยรอการขาย ณ ปี 2564 มีทั้งสิ้น 43,393 หน่วย ลดลง -12.0% คิดเป็นมูลค่า 161,747 ล้านบาท ลดลง -13.4% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลัง 2563
ขณะที่โครงการใหม่ลดลงอย่างมาก โดยมีจำนวน 3,271 หน่วย ลดลง -48.8% มูลค่า 8,970 ล้านบาท ลดลง -63.1% แม้จำนวนหน่วยและมูลค่าขายได้ใหม่จะยังคงติดลบ -5.1%โดยมีหน่วยขายได้ใหม่ 6,531 หน่วย มูลค่าขายได้ใหม่ลดลง -7.9% คิดเป็นมูลค่า 21,410 ล้านบาท แต่เหตุผลที่สินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดน้อยลงอย่างมาก ส่งผลให้อัตราดูดซับขยับดูดีขึ้นมาอยู่ที่ 2.5%
ปีเสือ-ซัพพลายใหม่ปรับฐาน สำหรับทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยปี 2565 คาดการณ์ว่าเป็นช่วงการฟื้นตัว โดยประเมินดีมานด์หรือหน่วยขายได้ใหม่ใน 3 จังหวัด EEC จะปรับเพิ่มขึ้น 7.3% โดยเพิ่มจาก 20,192 หน่วยในปี 2564 เป็น 21,675 หน่วยในปี 2565 มูลค่าขายเพิ่มขึ้น 8.6% จาก 60,562 ล้านบาทในปี 2564 เป็น 65,774 ล้านบาทในปี 2565
ด้านซัพพลายคาดว่าจะมีโครงการเปิดตัวใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น 51.9% โดยเพิ่มจาก 13,340 หน่วยในปี 2564 เป็น 20,270 หน่วยในปี 2565 ขณะที่หน่วยเหลือขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2.0% จาก 60,480 หน่วยในปี 2564 เป็น 61,719 หน่วยในปี 2565 มูลค่าลดลง -4.4% จาก 203,891 ล้านบาทในปี 2564 เป็น 195,017 ล้านบาทในปี 2565 อัตราดูดซับโดยรวมยังคงอยู่ในอัตรา 2.5%
ไฮไลต์อยู่ที่ ชลบุรี จะกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนหลังจากตลาดซบเซาต่อเนื่องจากปี 2562 และผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในปี 2564 โดยคาดว่าปี 2565 มีหน่วยเปิดขายใหม่ 12,513 หน่วย เพิ่มขึ้น 99.9% มูลค่า 44,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.2%
โดยคาดว่ามีหน่วยขายได้ใหม่ 13,916 หน่วย เพิ่มขึ้น 14.8% มูลค่า 46,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4% ส่วนหน่วยเหลือขายเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น จากการเปิดตัวโครงการใหม่ คาดว่ามีหน่วยเหลือขาย 40,901 หน่วย เพิ่มขึ้น 11.0% มูลค่า 142,436 ล้านบาท
24/3/2565 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (24 มีนาคม 2565)