LWS บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ LPN เปิดเผยบิ๊กแบรนด์อสังหาฯ ที่เป็น Listed Company จำนวน 39 บริษัท แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/67 รายได้ ลดลง -3.55% ขณะที่กำไรลงลึกกว่านั้น ติดลบ -37.20% ลุ้นมาตรการรัฐอุ้มผลประกอบการอีก 3 ไตรมาสที่เหลือของปี
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล. ดับเบิลยู. เอส. วิสดอมแอนด์โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ LWS บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ LPN เปิดเผยว่า บิ๊กแบรนด์อสังหาฯ ที่เป็น Listed Company จำนวน 39 บริษัท แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/67
พบว่า ภาพรวมรายได้ ลดลง -3.55% ขณะที่กำไรติดลบมากถึง -37.20% (ดูกราฟิกประกอบ)
รายละเอียดเริ่มจาก รายได้รวม ของ 39 บริษัทอสังหาฯ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมูลค่ารวมกัน 71,094.20 ล้านบาท ลดลง -3.55% เมื่อเทียบกับรายได้รวมประจำไตรมาส 1/66 ที่มีมูลค่ารวม 73,712.77 ล้านบาท
ในด้านกำไรสุทธิประจำไตรมาส 1/67 รวมกันอยู่ที่ 5,462.47 ล้านบาท ลดลง -37.20% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาส 1/66 ที่มีมูลค่ารวม 8,699.16 ล้านบาท
ในขณะที่ ความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ย หรือ Net margin profit ของบิ๊กแบรนด์ 39 บริษัท ภาพรวมลดลงเหลือเพียง 7.68%
ลดลงจากไตรมาส 1/66 ที่เน็ตมาร์จิ้นโปรฟิตอยู่ที่ 11.52% ยิ่งถ้าไปเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ถือว่าลดลงหนักมาก เพราะมีเน็ตมาร์จิ้นอยู่ที่ 13.28
ในด้านสินค้าคงเหลือ นับในส่วนที่เป็นสินค้าพร้อมอยู่ (ready to move) และสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 3.06% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/66
โดยเป็นสินค้าคงเหลือ บวกกับสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของ 39 บิ๊กแบรนด์ อยู่ที่ 686,956.35 ล้านบาท เทียบกับช่วงสิ้นปี 2566 มีมูลค่า 666,526.73 ล้านบาท
จุดโฟกัสยังอยู่ที่รายได้รวมของบริษัท 10 อันดับแรกรวมกัน อยู่ที่ 52,048.01 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาด 73.20% ของรายได้รวมทั้ง 39 บริษัท
โดยอันดับ 1 บมจ.แสนสิริ เป็นบริษัทเดียวที่มีรายได้รวมเกินหมื่นล้านบาท อยู่ที่ 10,169.56 ล้านบาท
อันดับ 2-3 มีรายได้เกิน 7,000 ล้าน ได้แก่
อันดับ 2 บมจ.เอพี ไทยแลนด์ มีรายได้รวม 7,968.31 ล้านบาท
อันดับ 3 บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีรายได้รวม 7,804.02 ล้านบาท
อันดับ 4-7 มีรายได้เกิน 4,000 ล้าน ได้แก่
อันดับ 4 บมจ.ศุภาลัย 4,674.33 ล้านบาท
อันดับ 5 บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง 4,170.69 ล้านบาท
อันดับ 6 บมจ.สิงห์ เอสเตท 4,089.84 ล้านบาท
อันดับ 7 บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน 4,010.06 ล้านบาท
ขณะที่อันดับ 8 บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย 3,534.31 ล้านบาท
อันดับ 9 บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 3,213.41 ล้านบาท
อันดับ 10 บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 2,413.48 ล้านบาท
ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัท 10 อันดับแรก มีมูลค่ารวม 5,915.02 ล้านบาท สูงกว่ากำไรสุทธิรวมของทั้ง 39 บริษัท กรณีคำนวณโดยนับรวมมีบริษัทขาดทุนสุทธิ 12 บริษัทเข้าไปด้วย
โดยอันดับ 1 บมจ.แสนสิริ กำไรสุทธิ 1,314.97 ล้านบาท
อันดับ 2 บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 1,231.02 ล้านบาท
อันดับ 3 บมจ.เอพี ไทยแลนด์ 1,008.33 ล้านบาท
อันดับ 4 บมจ.ศุภาลัย 613.64 ล้านบาท
อันดับ 5 บมจ.คิวเฮ้าส์ 490.09 ล้านบาท
อันดับ 6 บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 464.09 ล้านบาท
อันดับ 7 บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW 256.32 ล้านบาท
อันดับ 8 บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ 195.44 ล้านบาท
อันดับ 9 บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน 182.60 ล้านบาท
และอันดับ 10 บมจ.เฟรเซอร์สฯ ไทย หรือ FPT 158.52 ล้านบาท
16/5/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 16 พฤษภาคม 2567 )