info@icons.co.th 02 810 8892-6 216.73.216.20

อัพเดต ‘อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์’ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค 4,600 ไร่ บางนา กม.32

Industrial News / ข่าวหมวดงานอุตสาหกรรม

2 กันยายน 2568 ปฏิบัติการอารยะแลนด์พบสื่อ นับเป็นครั้งที่ 3 หลังจากแกรนด์โอเพนนิ่งเปิดตัวชุดใหญ่ไฟกะพริบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยภาพจำติดตามีผู้บริหารระดับ Owner 3 หุ้นส่วนหลัก “กลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย-กลุ่มเอเชีย-กลุ่มโรจนะ”

ต้องบอกว่าปฏิบัติการบอกเล่าความคืบหน้าโครงการ มาพร้อมกับความมั่นใจเต็มแม็ก จากการคว้านักลงทุนรายใหญ่ 2 ราย จับจองซื้อที่ดินรวมกัน 270 ไร่ ในขณะที่อีก 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ มีดีลที่กำลังเจรจาอย่างเข้มข้นอีก 2-3 รายใหญ่ เป้าการเปิดขายเฟสแรก 300-400 ไร่อยู่ใกล้แค่มือเอื้อม

นิคม 4,600 ไร่ใกล้กรุงเทพฯ

“นางสาวกมลกาญจน์ คงคาทอง” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด ผู้บริหารโครงการนิคมอุตสาหกรรม “อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์-ARAYA The Eastern Gateway” ปักหมุดบนทำเลริมถนนบางนา-ตราด กม.32 พื้นที่แปลงใหญ่ 4,600 ไร่ ขนาบด้วย 2 ถนนสำคัญ “บางนา-ตราด” กับ “มอเตอร์เวย์ M7” ได้ระบุถึงความคืบหน้าโครงการอารยะฯ

ในส่วนการตัดถนนเมนขนาด 6 ช่องจราจร เข้าไปถึงกิโลเมตรที่ 3 คิดเป็นเนื้องานเท่ากับครึ่งทางที่จะต้องทำต่อ เพื่อเปิดความกว้างถนนเชื่อมกับมอเตอร์เวย์ชลบุรี ไทม์ไลน์ต่อไปภายในปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 จะมีการตัดถนนสายรองเชื่อมเข้าไปในทั่วทั้งโครงการ ตามแผนระบบโครงข่ายถนนจะได้ครบตามพิมพ์เขียวภายในปลายปีหน้า

“อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ เราค่อนข้างโชคดีที่มีผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่ง แผนพัฒนาสาธารณูปโภคและการขายพื้นที่อุตสาหกรรมที่ประกาศไว้ สามารถทำได้คอมพลีตตามกำหนด โดยต้นปีหน้าจะเริ่มโอนที่ดินอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าลอตแรก ตามปกติจะใช้เวลาก่อสร้างโรงงานอีก 12 เดือน เท่ากับส่วนใหญ่ลูกค้ารายใหญ่จะเริ่มโอเปอเรตในช่วงปลายปีหน้า”

การลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานภายในอารยะฯ จึงจะล้อไปตามจังหวะดีมานด์การใช้จริงของลูกค้าอุตสาหกรรม อาทิ การลงทุนระบบไฟพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์หรือไฟโซลาร์ เป็นต้น

3 พันธมิตรหนุนเซอร์วิสแกร่ง

ทั้งนี้ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นโมเดลต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ที่สร้างระบบนิเวศเพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมไทย องค์ประกอบสำคัญภายในโครงการจึงครบครันในที่เดียว ทั้งแคมปัสอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี, พื้นที่โลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรมอารยะ และโซนไลฟ์สไตล์และบริการ

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ปัจจุบันได้รับการประกาศเป็นนิคมอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการ ภายใต้ความร่วมมือร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

ไฮไลต์อยู่ที่มีความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจระดับประเทศ เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน 3 บริษัท ดังนี้ 1.กลุ่ม ปตท. (PTT Group) ให้บริการโซลูชั่นด้านพลังงานผ่านการใช้ก๊าซธรรมชาติ เสริมความมั่นคงด้านพลังงานและสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม

2.เอไอเอส (AIS) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและเครือข่ายดิจิทัล ด้วยระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G และ Fiber Optic รองรับทุกความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีอัจฉริยะ และ 3.การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ให้บริการจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในระบบ 115kV/24kV อย่างเสถียร เพื่อรองรับการดำเนินงานภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด

พร้อมกันนี้ยังส่งเสริมการจัดการพื้นที่ด้วยแนวทางการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การพัฒนาอาคารประหยัดพลังงาน และการผสานพลังงานแสงอาทิตย์เข้ากับระบบไฟฟ้าหลัก โดยได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาอาคารและพื้นที่โล่งในโครงการ ซึ่งแนวทางดังกล่าวเอื้อต่อแนวปฏิบัติด้านการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนภายในโครงการ

ยกระดับสู่นิคมไฮเทคโนโลยี

น่าสนใจว่าปฏิบัติการอัพเดตโครงการในช่วงไตรมาส 3/68 ต้องการส่งสัญญาณอะไรบ้าง

“หลัก ๆ เป็นเรื่องของความคืบหน้า จริง ๆ เรามีการเปิดตัวโครงการเมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมา เวลา 6-7 เดือนเราทำงานตลอด และมีการทำงานที่บรรลุเป้าหมายไปได้ และมีบางโปรเกรสที่เดินไปได้ต่อเนื่องตามแผน เราก็อยากให้ลูกค้าของอารยะฯ สบายใจว่าแผนธุรกิจมีความรุดหน้าอยู่ตลอดเวลา”

นั่นหมายความว่าในอนาคตอันใกล้นี้ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ กำลังยกระดับสู่ “นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ-Smart Industrial Estate” แห่งแรกของไทย ด้วยการพัฒนาโครงการภายใต้กรอบองค์ประกอบหลัก 7 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.Smart Facilities 2.Smart IT 3.Smart Energy 4.Smart Economy 5.Smart Governance 6.Smart Living และ 7.Smart Workforce

ทั้งหมดนี้เป็นพลังแพลตไฮเทคโนโลยีที่นำเสนอเป็น One Stop Service Platform เพื่อเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนอุตสาหกรรมสามารถบริหารจัดการพื้นที่และทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อนของระบบต่าง ๆ ภายในโครงการ

บทพิสูจน์ความสำเร็จนอกจากศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งใกล้กรุงเทพฯ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และแนวคิดการพัฒนาอย่างรอบด้าน อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลก 2 ราย คือ IFMT-บริษัท อินฟินีออน เทคโนโลยีส์ แมนูแฟคเชอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก ซื้อพื้นที่ 120 ไร่ กับ MR. D.I.Y.-มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (ประเทศไทย) รวมไปถึงผู้ให้บริการ Data Center ชั้นนำ และผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

“อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่อุตสาหกรรม แต่คือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของอุตสาหกรรมไทย เราเชื่อมั่นในบทบาทของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน เชื่อมต่อทุกภาคส่วน ตั้งแต่เทคโนโลยีขั้นสูงไปจนถึงคุณภาพชีวิตของผู้คน และพร้อมเป็นประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ให้กับนักลงทุนที่มองไกลกว่าความสำเร็จระยะสั้น”

ธุรกิจนิคมอุตฯมองเกมยาว

สำหรับแผนแม่บทของอารยะฯ พื้นที่ทั้งโครงการ 4,600 ไร่ ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคมีพื้นที่ขายเพียง 2,000 กว่าไร่ แบ่งพัฒนา 2 เฟสด้วยกัน เฟสแรก 1,400 ไร่ ที่คาดว่าจะจบการขายลอตแรก 400 ไร่ภายในปีนี้ จากนั้นจะเป็นการเดินหน้าเปิดขายอย่างต่อเนื่อง และเฟส 2 อีก 1,000 กว่าไร่ โดยมีมุมมองว่าปี 2569 จะเป็นปีที่ลูกค้าอุตสาหกรรมลงมือก่อสร้างโรงงานในภาพที่มองว่า “ไซต์ก่อสร้างฝุ่นตลบ”

“กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตอนนี้ในประเทศจะเป็นกลุ่มส่งเสริมการลงทุน ทั้งการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ อีวีแบตเตอรี่ ดาต้าเซ็นเตอร์ ถัดมากลุ่มลูกค้านักลงทุนจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรป ที่มีความต้องการลงทุนหลากหลาย โดยอารยะฯรองรับทุกกลุ่ม ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ล่าสุดมีนักลงทุนซื้อที่ดินขนาด 6 ไร่ก็มี”

น่าสนใจว่า ลูกค้าหลักเป็นอุตสาหกรรมรายใหญ่ เช่น MR. D.I.Y. ซึ่งเปิดเครือข่ายในไทยกว่า 1,000 สาขาอย่างรวดเร็ว มีโอกาสที่อาจจะนำซัพพลายเชนเข้ามาตั้งฐานผลิตในไทยด้วย นำมาสู่การเตรียมลงทุนโซนโลจิสติกส์ ขนาด 50-60 ไร่ อยู่ด้านริมถนนบางนา พัฒนาโดย FPT-บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับซัพพลายเออร์ของลูกค้าในนิคมอุตฯโดยเฉพาะ

“ข้อแตกต่างของอารยะฯ ในด้านการแข่งขัน จุดขายเรามีครบทุกองค์ประกอบของการเป็นนิคมอุตฯไฮเทคโนโลยี ที่นำเสนอโมเดลอีโคอินดัสเทรียล ในขณะที่จุดแข็งที่สุดของอารยะฯ เราเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ทำให้เป็นแวลูโลเกชั่นที่โรงงานอุตสาหกรรมในโครงการของเรา สามารถดึงดูดพนักงานเก่ง ๆ หรือทาเลนต์ให้เข้ามาทำงานด้วย เพราะครบวงจรทั้งการทำงานและการใช้ชีวิต”

สำหรับการทำการตลาด มี 2-3 เรื่องหลัก เริ่มจาก 1.ทำงานล้อไปกับภาครัฐ เวลาบีโอไอ การนิคมอุตฯ ไปโรดโชว์ต่างประเทศ ล่าสุดเพิ่งไปเกาหลี บริษัทก็ไปด้วยทุกครั้ง 2.การตลาดผ่านเอเยนซี่ มีความสำคัญมากในธุรกิจนี้ 3.ข้อดี FPT เน็ตเวิร์กและเครือข่ายของผู้ถือหุ้นที่มีการส่งต่อลูกค้าอุตสาหกรรมมาให้

“จุดแตกต่างของเรา ไม่ใช่มีทุกนิคมอุตฯ ที่มีระบบไฟฟ้า 115 kV ทำให้การันตีความเสถียรของระบบไฟฟ้า หรือดีมานด์การใช้โซลาร์ออนไซต์ ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกนิคมอุตฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้รองรับ”

บรรทัดสุดท้ายกับความคืบหน้า ณ ไตรมาส 3/68 “กมลกาญจน์” สรุปว่า อารยะฯโชคดีทุกอย่าง ค่อนข้างเป็นไปตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมเป็นเกมยาว ไม่ได้มองแค่ครึ่งปี-1 ปี แต่ระยะยาวแล้ว So Far So Good

8/9/2568  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 8 กันยายน 2568 )

Banner Ads