เวลาผ่านพ้นอย่างรวดเร็วราวกับติดปีกบิน เข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 เต็มตัวแล้ว
ล่าสุด ค่ายแสนสิริ อัพเดตผลงานในยุคท้าทายของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2568) คว้ายอดขายสูงถึง 39,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 74% ของแผนธุรกิจที่ประกาศไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตอกย้ำสถานะผู้นำตลาดบ้านและคอนโดมิเนียม
และน่าสนใจมากว่าสปีดการลงทุนไม่ได้ลดลง ด้วยการประกาศเดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมในไตรมาส 4/68 อีก 7 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมกัน 18,000 ล้านบาท
Sold Out 19 โครงการรวด
โดย วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ระบุว่า บริษัทสามารถทำยอดขายได้ตามแผนงานที่จำนวน 39,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 74% ของเป้ายอดขายรวมในปี 2568 ที่ตั้งไว้ 53,000 ล้านบาท
แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เผชิญความท้าทายรอบด้าน แต่แสนสิริสามารถสร้างยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 โดยมีกลุ่มคอนโดมิเนียมเป็นแรงหนุนสำคัญ จากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ได้รับผลตอบรับดีเกินคาด
ความสำเร็จนี้สะท้อนจากกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมของโครงการที่เปิดขายในปัจจุบัน รวมถึงโครงการใหม่ที่เปิดเพิ่มเติมในไตรมาส 3/68 ที่ผ่านมา ทั้งโครงการบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม
โดยคอนโดฯเปิดใหม่อย่าง วาลเลส เฮาส์, ไวด์เด็น บาย แสนสิริ และ เซลฟ์ บาย แสนสิริ ได้รับการตอบรับดีเกินคาด ทั้ง 3 โครงการทำยอดขายรวมได้ถึง 3,400 ล้านบาท เช่นเดียวกับบ้านหรูแบรนด์ เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต จ.ภูเก็ต ที่สร้างปรากฏการณ์สร้างยอดขายรอบ VVIP เกิน 30% ของยูนิตทั้งหมดตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ รวมถึงแคมเปญการขายบ้านตัวอย่างที่สร้างยอดขายได้กว่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากยอดขายที่เติบโตโดดเด่นแล้ว บริษัทยังมี Backlog (ยอดขายรอโอน) สูงกว่า 23,000 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจคาดว่าจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปี 2568 นี้ในสัดส่วน 50% โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เพื่อสนับสนุนยอดขายและรับรู้รายได้ทันที 7 โครงการ มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท
ประกอบด้วย แบรนด์เดอะ เบส เออร์เบิร์น พระราม 9 คอนโดฯเปิดใหม่พร้อมอยู่, โฟล บาย แสนสิริ, ดีคอนโด คาล์ม รามคำแหง 40, เดอะ มูฟ พอว์ บางแค, แคนวาส เชิงทะเล ภูเก็ต, เมคิน เฮาส์ เชียงใหม่ และ ดีคอนโด แคมปัส ขอนแก่น
ความสำเร็จในรอบ 9 เดือน แสนสิริปิดการขาย หรือ Sold Out ไปแล้วถึง 19 โครงการ มูลค่า 21,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้สัดส่วนกว่า 60% อยู่ในกลุ่มเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม โดยไปป์ไลน์ของฝั่งรายได้มีโครงการที่จ่อคิว Sold Out เพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง
มัดรวมกลยุทธ์ยืนเป้าเติบโต
ภายใต้ภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัจจัยต่าง ๆ แสนสิริยังคงดำเนินแผนธุรกิจด้วยความรัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีการบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การปรับจำนวน บ้านพร้อมขาย ให้สอดคล้องกับอัตราการขาย เพื่อบริหารกระแสเงินสดอย่างเหมาะสม และการกระจายพอร์ตสินค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
ปัจจุบันมีโครงการพร้อมขาย 135 โครงการ ที่สำคัญภายใต้กลยุทธ์นี้ยังให้ความสำคัญกับขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน
แม้จะต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายและความต้องการในตลาดที่ชะลอตัว แต่ด้วยความได้เปรียบด้านแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินที่มั่นคง การดำเนินงานเชิงรุก และเป็นผู้นำด้านดีไซน์ คุณภาพโครงการ และบริการหลังการขาย ตลอดจนสินค้าที่หลากหลาย คาดว่าแสนสิริจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน
สำหรับแผนธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4/68 แสนสิริเตรียมเปิดตัว 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 18,000 ล้านบาท อาทิ เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต, บุราสิริ จตุโชติ, สราญสิริ จตุโชติ และคอนโดมิเนียมใหม่บนทำเลกะทู้ ภูเก็ต เพื่อรองรับความต้องการในตลาดหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญระดับโลกของไทย
สำหรับสาวกแสนสิริ โซนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เร็ว ๆ นี้เตรียมเผยโฉม Sansiri Community แห่งใหม่ย่านจตุโชติ ชิงเรียลดีมานด์กรุงเทพฯโซนเหนือ บนพื้นที่โครงการขนาดใหญ่ 185 ไร่ ประเดิม 2 โครงการแรกภายใต้แบรนด์ บุราสิริ จตุโชติ กับ สราญสิริ จตุโชติ ที่วางแผนเปิดพรีเซลพร้อมกันในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม 2568
นาราสิริ วิคตัวร์ กรุงเทพกรีฑา
หนึ่งในไฮไลต์ของแผนเปิด 7 โครงการใหม่ในไตรมาส 4/68 แสนสิริเตรียมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่กับที่สุดของบ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่ ทำเลกรุงเทพกรีฑา ชื่อแบรนด์โครงการ Narasiri Victoire-นาราสิริ วิคตัวร์
สร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดระดับลักเซอรี่ในทำเลเป็นอย่างมาก หลังจากที่โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา สร้างปรากฏการณ์ทุบสถิติบ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่ที่ขายดีที่สุด และปิดการขายรวดเร็วที่สุดในเมืองไทยภายในเวลาเพียงเดือนเดียวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด แสนสิริตอกย้ำผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักเซอรี่ต่อเนื่อง ในโครงการ Narasiri Victoire Krungthep Kreetha-นาราสิริ วิคตัวร์ กรุงเทพกรีฑา ที่สุดของโครงการไฮไลต์ในปีนี้ และต้องบอกว่าเป็นตัวท็อปสุดในทำเลกรุงเทพกรีฑาอีกด้วย พัฒนาภายใต้ Sansiri Luxury Collection ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการอสังหาฯอีกครั้ง
ในมุมคอนเซ็ปชวลดีไซน์ถือว่ากินขาดตั้งแต่ Main Gate สุดยิ่งใหญ่ ขยายความกว้างมากกว่า 140 เมตร แรงบันดาลใจจากยุคทองฝรั่งเศสในแบบฉบับพระราชวังแวร์ซายส์ ปักหมุดบ้านเดี่ยวลักเซอรี่บนที่สุดของทำเลไพรมในฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก นาราสิริ วิคตัวร์ กรุงเทพกรีฑา มูลค่าโครงการ 7,100 ล้านบาท บนแสนสิริ กรุงเทพกรีฑา คอมมิวนิตี้ ชุมชนแห่งการอยู่อาศัยในสังคมคุณภาพระดับนานาชาติ พื้นที่รวมกว่า 500 ไร่
โดยเป็นโครงการใน Sansiri Luxury Collection ที่ใหญ่ที่สุด และเรียกได้ว่าเป็น The New Era of Narasiri กับบรรยากาศงานดีไซน์แรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซายส์ในประเทศฝรั่งเศส
โดยทำเลกรุงเทพกรีฑา ตอบโจทย์การใช้ชีวิต Ultra Luxury ในอนาคต โครงการไฮไลต์ของแสนสิริ จึงเลือกเฟ้นนำเสนอบ้านที่เป็นสัญลักษณ์ของ ชัยชนะ และ ความสง่างาม House of Millionaire ในแบบคุณ ตั้งแต่ชื่อโครงการ ทางเข้า และ Arrival Court
นาราสิริ วิคตัวร์ กรุงเทพกรีฑา ถือเป็น The New Era ครั้งใหม่ของแบรนด์ Narasiri ผ่านการดีไซน์และประสบการณ์การอยู่อาศัย ที่ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากยุครุ่งโรจน์ที่สุดแห่งจักรวรรดิฝรั่งเศส ยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตั้งแต่สถาปัตยกรรม ไปจนถึงแลนด์สเคปที่นำบรรยากาศของฝรั่งเศสมาไว้ที่นี่
ไฮไลต์งานสถาปัตยกรรม Apollo Fountain น้ำพุเทพสุริยะ ถอดแบบรูปปั้นเทพอะพอลโลกำลังขับรถม้าขึ้นจากท้องทะเลสู่สุริยะ แบบเดียวกับพระราชวังแวร์ซายส์ (Le Chateau de Versailles) สัญญะแห่งเทพ ที่จะเสริมความรุ่งโรจน์แก่ผู้อยู่อาศัย
ตามธรรมเนียมอีเวนต์พรีเซล จะเปิดโซนที่ดีที่สุดให้ครอบครองก่อนใคร Be The First to Own ระดับราคา 65-120 ล้านบาท
6/10/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 6 ตุลาคม 2568 )
