เอสเอสไอ-ร.ฟ.ท.เปิดทดลองเดินขบวนรถพิเศษขนส่ง เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 46 ตัน จากสถานีนาผักขวง ประจวบคีรีขันธ์ ไปยังที่หยุดรถศรีสำราญ สุพรรณบุรี เชื่อมั่นว่าการขนส่งสินค้าทางรางช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรทางถนน ลดมลภาวะทางอากาศอันเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของภาคประชาชน สิ่งแวดล้อม ได้ช่วยลดต้นทุน
วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) โดยนายนาวา จันทนสุรคน กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และนายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดเดินขบวนรถพิเศษสินค้าทดลองขนส่งผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) โดยพ่วงรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ (บทต.) พิกัดบรรทุก 46 ตัน จำนวน 3 คัน จากสถานีนาผักขวง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปยังที่หยุดรถศรีสำราญ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
นายนาวา จันทนสุรคน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอสไอ กล่าวว่า ตามที่ประเทศไทยมีแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี มุ่งยกระดับพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางรางของประเทศไทยให้มีความทันสมัยและใหญ่สุดในอาเซียน
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ เอสเอสไอซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตเหล็กได้ตระหนักถึงโอกาสและประโยชน์ของการขนส่งสินค้าทางราง จึงได้ร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ริเริ่มโครงการขนส่งสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนทางรางขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ด้านคือ 1) สนองตอบนโยบายของภาครัฐ ช่วยขับเคลื่อนเพิ่มปริมาณและสัดส่วนของการขนส่งสินค้าเหล็กทางรางให้มากขึ้น 2) บริษัทเชื่อมั่นว่าการขนส่งสินค้าทางรางจะสามารถบรรเทาปัญหาการจราจรทางถนน ลดมลภาวะทางอากาศอันเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของภาคประชาชนและสิ่งแวดล้อมได้
3) การขนส่งสินค้าทางรางจะเป็นอีกทางเลือกนอกเหนือจากทางบรรทุกทางเรือ ซึ่งการทดลองเดินขบวนขนส่งวันนี้ จะช่วยให้ทราบผลและช่องว่าง เพื่อร่วมกับ ร.ฟ.ท.พัฒนาให้การขนส่งทางรางต้นแบบสำหรับสินค้าอื่น ๆ ให้มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ
การรถไฟแห่งประเทศไทยกำลังเร่งพัฒนาระบบคมนาคมทางรางอย่างพลิกโฉม และให้โอกาสบริษัทได้ริเริ่มดำเนินการขนส่งสินค้าเหล็กทางราง พร้อมสนับสนุนให้อำเภอบางสะพานได้เป็นต้นทางครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ในการเริ่มต้นการขนส่งสินค้าเหล็กทางราง นายนาวากล่าว
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ร.ฟ.ท.ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบรางมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้สามารถแข่งขันทัดเทียมกับนานาชาติ ทั้งด้านโดยสารและการขนส่ง โดยเฉพาะการเพิ่มทางเลือกในการขนส่งสินค้าทางการเกษตรให้แก่พี่น้องเกษตรกร การขนส่งสินค้าภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางรางถือเป็นระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน และมีความคุ้มค่ามากที่สุด
โดยสามารถขนส่งได้ครั้งละจำนวนมากกว่าทางถนนหลายเท่าตัว ซึ่งที่ผ่านมาการรถไฟฯ ได้สนับสนุนกลุ่มบริษัทพันธมิตรทางการค้า ทดลองเปิดเดินขบวนรถขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังศูนย์กระจายสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟในหลายเส้นทาง ซึ่งถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนถ่ายการขนส่งสินค้าจากถนนมาสู่ระบบราง
ซึ่งมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบรางให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อขนส่งสินค้าในแนวเส้นทางยุทธศาสตร์ให้สามารถเชื่อมโยงกับฐานการผลิตอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
การทดลองขนส่งในพื้นที่นาผักขวงนี้ ถือเป็นมิติหมายที่ดีต่อคนในชุมชน เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถช่วยเปิดโอกาสทางการค้าให้กับชาวบ้านในชุมชนให้สามารถนำสินค้าไปขายไม่เพียงแค่ในประเทศ แต่ยังรวมถึงการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศด้วยเช่นกัน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยกล่าว
นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีศักยภาพด้านอุตสาหกรรม การเกษตร การประมง และแหล่งท่องเที่ยวชุมชนสำคัญมากมาย ศักยภาพด้านการเกษตรและประมงพื้นบ้าน ถือเป็นอาชีพหลักของประชาชนที่สร้างรายได้ในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน ด้านอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ คือกลุ่มบริษัทสหวิริยา อีกทั้งยังมีท่าเรือน้ำลึกผู้ให้บริการท่าเรือพาณิชย์เอกชน และรองรับการขนถ่ายวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เหล็กได้ในปริมาณมากอีกด้วย
สำหรับอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางระบบราง นับเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ มีความปลอดภัยสูง ต้นทุนน้อย และช่วยลดปัญหาการจราจรทางถนนได้ อีกทั้งในอนาคต หากมีการเชื่อมต่อระบบรางถึงท่าเรือประจวบฯ จะเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางรถ ราง และเรือ ได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งเป็นการยกระดับศักยภาพการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
15/5/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 15 พฤษภาคม 2566 )