info@icons.co.th 02 810 8892-6 3.135.215.149

เบอร์เกอร์คิง เปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ในไทย ย้ำตัวจริงด้านเบอร์เกอร์

Retails News / ข่าวหมวดห้างสรรพสินค้า

เบอร์เกอร์คิงเดินหน้าตอกย้ำผู้นำเบอร์ 1 ตัวจริงเรื่องเบอร์เกอร์ เปิดตัวสาขาแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ในไทย บนทำเลศักยภาพย่านรัชดาภิเษก มีพื้นที่รวมกว่า 400 ตารางวา ที่รวบรวมความเป็นที่สุดทั้งด้านสินค้าและบริการ รับเทรนด์ยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์

วันที่ 13 ธันวาคม 2565 นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเบอร์เกอร์คิง ในเครือไมเนอร์ ฟู้ด กล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2565 เบอร์เกอร์คิงยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าผลประกอบการของเบอร์เกอร์คิงในไทยปีนี้จะเติบโตมากถึง 30% โดยเฉพาะในเดือนนี้มีการเติบโตกลับไปเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว เนื่องจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย รวมถึงการฟื้นตัวของสาขาในสถานที่ท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมาดีขึ้น

ประกอบกับการปรับตัวของเบอร์เกอร์คิงทั้งในด้านการขยายช่องทางจัดจำหน่ายที่ปัจจุบันมีสัดส่วนการนั่งทานในร้าน 30% ดีลิเวอรี่ 30% ซื้อกลับ 30% และไดรฟ์ทรู 10% รวมทั้งพัฒนาเมนูใหม่ ๆ และปรับปรุงสาขาให้ทันสมัย

โดยในปัจจุบัน เบอร์เกอร์คิงมีสาขารวมทั้งสิ้น 122 สาขา และช่วงสัปดาห์หน้าจะเปิดสาขาใหม่ที่หาดใหญ่ในโครงการมิกซ์ยูส เป็นสาขาที่ 123 ทำให้มีสัดส่วนสาขาที่เป็น ร้านสแตนด์อะโลน 60% และร้านในห้างค้าปลีก คอมมิวนิตี้มอลล์ สนามบิน 40% นอกจากนี้ในปี 2565 จะมีขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา เช่นเดียวกับในปี 2566 ก็มีแผนที่จะขยายสาขาต่อเนื่องประมาณ 10 สาขา แบ่งเป็น 2 โซนคือ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยวเพื่อรองรับตลาดท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น

นายธนวรรธกล่าวเสริมว่า ในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ของเบอร์เกอร์คิงจะนำเข้ามาจากต่างประเทศ รวมทั้งปัญหาเรื่องเงินเฟ้อก็ต้องระมัดระวังด้วย แต่คาดว่าปี 2566 สถานการณ์โดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ โดยเฉพาะหากนักท่องเที่ยวจีนกลับเข้ามาเที่ยวในไทย ยอดขายน่าจะโตขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งล่าสุดได้ลงทุนใช้พื้นที่ 400 ตารางวา บนทำเลศักยภาพย่านรัชดาภิเษก เปิดตัว เบอร์เกอร์คิง แฟลกชิปสโตร์ สาขารัชดาฯ ซึ่งจะเป็นสาขาแรกในไทย และเป็นสาขาที่ 2 ของโลก ที่รวบรวมความเป็นที่สุดทั้งด้านสินค้าและบริการ โดยได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้สอดรับกับเทรนด์ยุคดิจิทัล อาทิ เตาย่างเปลวไฟรุ่นใหม่ ตู้รับสินค้าอัจฉริยะ (Smart Locker) ที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกในการรับสินค้าผ่านระบบอัตโนมัติ สำหรับช่องทางดีลิเวอรี่ และช่วยลดการสัมผัส รวมทั้งการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ลดการปล่อยมลพิษ

นอกจากนี้บริเวณโดยรอบร้านยังถูกปรับภูมิทัศน์ ให้มีพื้นที่สีเขียว และแบ่งโซนด้านหลังร้านในการรังสรรค์งานศิลปะด้วยภาพกราฟิกที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเบอร์เกอร์คิง สำหรับเป็นมุมถ่ายภาพหรือมุมนั่งเล่น ถือเป็นอีกเดสติเนชั่น ที่สร้างความแตกต่างในการมอบประสบการณ์ช่วงเวลาที่ดีให้แก่ผู้บริโภค และเป็นกลยุทธ์ที่จะดึงดูดผู้บริโภคให้มานั่งรับประทานอาหารภายในร้านกันมากขึ้น

อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกสบายของผู้บริโภคในช่องทางการบริการที่รวดเร็วในรูปแบบไดรฟ์ทรู ด้วยการให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านการพูดคุยและเห็นหน้าของพนักงานแบบเรียลไทม์บนจอแอลอีดีรูปแบบใหม่ที่พิเศษกว่าสาขาอื่น ๆ เพื่อสร้างความประทับใจ และแสดงถึงความใส่ใจของพนักงานที่พร้อมให้บริการลูกค้าทุกคนด้วยมาตรฐานเดียวกัน

โดยในปี 2566 เบอร์เกอร์คิงตั้งเป้าเติบโตที่ 20% และยังมีแผนที่จะต่อยอดนวัตกรรมขยายไปยังสาขาอื่น ๆ ในอนาคตด้วย

13/12/2565  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (13 ธันวาคม 2565)

Youtube Channel