info@icons.co.th 02 810 8892-6 3.149.251.22

“อสังหาฯพฤศจิกายน 65” ลงทุนใหม่ปรอทแตก

Residential News / ข่าวหมวดที่พักอาศัย

เป็นไปตามคาด หลังยุคโควิดแม้ยังเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง แต่ธุรกิจที่อยู่อาศัยมีการเร่งลงทุนอย่างเห็นได้ชัด

ล่าสุด “ดร.โสภณ พรโชคชัย” ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA สำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประจำเดือนพฤศจิกายน 2565

พบว่า มีการเปิดตัวกระหน่ำ 45 โครงการ เป็นที่อยู่อาศัย 44 โครงการ และอสังหาฯประเภทอื่น ๆ 1 โครงการ จำนวน 11, 880 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 59,961 ล้านบาท

ฟันธงได้ว่า สถานการณ์ลงทุนตอนนี้อยู่ในช่วง “บูม” สุด ๆ โดยจำนวนหน่วยมีการเติบโต 7.3% เทียบกับเดือนตุลาคม 2565 ในด้านมูลค่าเติบโต 22.1%

สถิติพฤศจิกายน 2565 ส่วนใหญ่ 64% ราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป และบ้านหรูราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปมีมากถึง 10.6%

สินค้าที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุด คือ อาคารชุด 6,162 หน่วย สัดส่วน 51.9% รองลงมา บ้านเดี่ยว 2,759 หน่วย สัดส่วน 23.2%, ทาวน์เฮาส์ 2,180 หน่วย 18.4%

สินค้าที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด คือ บ้านเดี่ยว 33,887 ล้านบาท สัดส่วน 56.5% รองลงมา อาคารชุด 15,856 ล้านบาท 26.4%, ทาวน์เฮาส์ 5,558 ล้านบาท สัดส่วน 9.3%

ภาพรวมสินค้าบ้านเดี่ยวจะเน้นลงทุนราคา 5-10 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 2-3 ล้านบาท และอาคารชุด 1-2 ล้านบาท เพื่อรองรับ 2 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ อาคารชุดราคาถูกเจาะผู้มีรายได้กลาง-ล่าง และบ้านเดี่ยวไฮเอนด์เจาะผู้มีรายได้สูง

ทั้งนี้ เดือนพฤศจิกายน 2565 มีการเปิดตัวกลุ่มราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 5,679 หน่วย สัดส่วน 47.8% ของหน่วยขายทั้งตลาด มูลค่าโครงการคิดเป็น 78.8% ผลักดันให้ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ 5.047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% จากเดือนตุลาคม 2565 ที่มีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วย 4.433 ล้านบาท

ในช่วงแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ย 14% ลดลงจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่มีอัตราการขายได้ 18% ต่อเดือน

โดยอาคารชุดต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีอัตราการขายได้สูงสุด จำนวน 107 หน่วย ขายได้แล้ว 63 หน่วย หรือ 59% รองลง บ้านเดี่ยวราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป 320 หน่วย ขายได้แล้ว 86 หน่วย หรือ 27% และทาวน์เฮาส์ 3-5 ล้านบาท จำนวน 134 หน่วย ขายได้แล้ว 44 หน่วย หรือ 33%

ในด้านผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ เป็นบริษัทรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 14 บริษัท ได้แก่ 1.บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ 2.บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บมจ.สิงห์เอสเตท, บมจ.แสนสิริ, บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, บมจ.อีสเทอร์นสตาร์ เรียลเอสเตท, บมจ.เอพี (ไทยแลนด์), บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น, บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์, บริษัท ศุภาลัย, บมจ.วิลล่าคุณาลัย และ บมจ.พีซแอนด์ลีฟวิ่ง

ทำเลที่มีการเปิดขายใหม่ สำหรับอาคารชุดจะตั้งอยู่บริเวณกรุงเทพฯชั้นกลาง พื้นที่ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า และใกล้แหล่งงาน เช่น ถนนสุขุมวิท 77 (ถนนอ่อนนุช) ถนนสมเด็จเจ้าพระยา ถนนราษฎร์บูรณะ ถนนกรุงธนบุรี ถนนเพชรเกษม ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนแพรกษา เป็นต้น

ส่วนบ้านแนวราบกระจายตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯชั้นกลางและเขตติดต่อเมือง เช่น ถนนวงแหวนตะวันออก ถนนพัฒนาการ ถนนบางนา-ตราด ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ ถนนพระราม 2 ถนนนครอินทร์ เป็นต้น

แนวโน้มเดือนธันวาคม 2565 คาดว่าการลงทุนเปิดขายโครงการใหม่ยังคงมีอัตราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

18/12/2565  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 18 ธันวาคม 2565)

Youtube Channel