เปิดประเทศพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด น่าสนใจว่าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะพลิกฟื้นได้มากน้อยแค่ไหน
ล่าสุด ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์นำเสนอรายงานอัพเดตตลาดที่อยู่อาศัยไทยใน 5 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-เชียงใหม่-พัทยา-หัวหิน พบว่า
กรุงเทพฯ ในฐานะพื้นที่สีแดงเข้ม-ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ส่งผลให้แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 3/64 ลดลงจากไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 2% จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่อง ผู้บริโภคชะลอการซื้อออกไป และขาดกำลังซื้อจากลูกค้าต่างชาติ ขณะที่ดัชนีซัพพลายเพิ่มขึ้น 7% สะท้อนอัตราการดูดซับยังไม่กลับมาเท่าที่ควร
ขณะเดียวกัน ความสนใจซื้อในเดือนกันยายนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 10% เทียบกับเดือนสิงหาคม 2564 สะท้อนความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงที่เริ่มกลับมาหลังโควิดคลี่คลาย ดีเวลอปเปอร์มีการจัดโปรโมชั่นดึงดูดใจอย่างต่อเนื่อง โดยความสนใจเช่าเพิ่มขึ้น 2%
ภูเก็ต แนวโน้มดัชนีราคาลดลง -22% จากไตรมาส 2/64 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนโควิด (ปี 2562) พบว่า ดัชนีราคาลดลง -6% ส่วนดัชนีซัพพลายลดลง -16% ทั้งนี้ หลังการเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ทำให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความสนใจซื้อที่อยู่อาศัยในเดือนกันยายน 2564 เพิ่มขึ้น 14% จากเดือนสิงหาคม และความสนใจเช่าเพิ่มขึ้น 29%
เชียงใหม่ แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาส 2/64 เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 ดัชนีราคาเพิ่มขึ้น 9% ดัชนีซัพพลายเพิ่มขึ้น 15% โดยความต้องการซื้อของผู้บริโภคเริ่มมีสัญญาณบวก มีความสนใจซื้อในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 11% สวนทางกับความสนใจเช่าที่ลดลง -11% เทียบกับเดือนสิงหาคม เป็นผลมาจากราคาที่อยู่อาศัยมีความเหมาะสมและคุ้มค่า จึงดึงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินซื้อแทนการเช่าอยู่
พัทยา แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยลดลง -7% จากไตรมาส 2/64 และลดลง -47% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 อัตราดูดซับยังคงไม่กลับมาเป็นปกติ ดูจากดัชนีซัพพลายในตลาดเพิ่มขึ้น 52% อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบวกจากความสนใจซื้อในเดือนกันยายน 2564 เพิ่มขึ้น 22% จากเดือนสิงหาคม สวนทางความสนใจเช่าลดลง -25%
สุดท้าย หัวหิน ในช่วงไตรมาส 3/64 แนวโน้มดัชนีราคาที่อยู่อาศัยลดลง -24% จากไตรมาส 2/64 และลดลง -64% เมื่อเทียบกับปี 2562 ยุคก่อนโควิดดัชนีซัพพลายลดลง -18% สะท้อนให้เห็นการปรับตัวของดีเวลอปเปอร์ที่ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ ขณะที่ความสนใจซื้อในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 18% ส่วนความสนใจเช่าลดลง -38%
กรณีนโยบายดึงลูกค้าต่างชาติมั่งคั่ง 1 ล้านคนเข้ามาช็อปซื้ออสังหาฯในประเทศไทย โดยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อร่างกฎหมายการถือครองอสังหาฯและที่ดินของชาวต่างชาติฉบับใหม่ พบว่าเห็นด้วย 26% ไม่เห็นด้วย 24%
เหตุผลของฝั่ง เห็นด้วย 79% มองว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดอสังหาฯและเศรษฐกิจไทยโดยรวม เหตุผลของฝั่ง ไม่เห็นด้วย 62% เกรงว่าจะทำให้ราคาที่ดินและอสังหาฯในไทยแพงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับคนไทยที่อยากมีบ้าน
ข้อเสนอคือ การแก้ไขร่างกฎหมายการถือครองอสังหาฯและที่ดินของชาวต่างชาติฉบับใหม่ รัฐควรศึกษาผลกระทบทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างรอบด้าน ควบคู่กับเร่งทำความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน
3/11/2564 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (3 พฤศจิกายน 2564)