AWC ในเครือเจ้าสัวเจริญ ทุ่ม 8.8 พันล้าน ลงทุนในโรงแรมกรุงเทพฯ และภูเก็ต พร้อมรายงานงบฯไตรมาส 3/65 โชว์กำไรสุทธิ 1,026 ล้านบาท เหตุนักท่องเที่ยวต่างชาติโต อวด 9 เดือนแรกกำไรสุทธิ 2,448 ล้านบาท
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 โดยระบุว่า บริษัทมีกำไรสุทธิตามงบการเงิน 1,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.4 และกำไรสุทธิจากผลประกอบการโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรม 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
รวมถึงรายได้รวมตามงบการเงิน 3,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้นเป็น 994 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ที่ 47 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าร้อยละ 2,029
ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกของปี AWC มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 2,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) แม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาเพียงครึ่งเดียวเฉลี่ยต่อวันเมื่อเทียบกับปี 2562 นางวัลลภากล่าว
รีสอร์ต-ไมซ์ โต ราคาห้องพักเพิ่ม
นางวัลลภากล่าวว่า บริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) โรงแรมในกรุงเทพฯและรีสอร์ตระดับลักเซอรี่ ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพ (High-to-Luxury) ที่เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกผ่านเครือข่ายพันธมิตรโรงแรมระดับโลก
ในไตรมาส 3/2565 ภาพรวมอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมในเครือ AWC เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเพียงร้อยละ 14.2 และราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate หรือ ADR) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4,920 บาทต่อคืน ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่อยู่ที่ 4,052 บาทต่อคืน
โดยเป็นผลมาจากจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวน 49,675* เที่ยวบินในไตรมาส 3/2565 สูงขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพจากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในประเทศไทยจะเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 60
สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการในไตรมาส 3/2565 มีรายได้ 1,789 ล้านบาท เติบโตมากกว่าร้อยละ 100 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) โดย Revenue Generation Index ที่เปรียบเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI สูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่ากับ 241.7 สำหรับโรงแรมในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE)
ส่วนกลุ่มรีสอร์ตระดับลักเซอรี่ ที่ได้รับความนิยมสูง อาทิ โรงแรมบันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI สูงที่สุดในกลุ่มเท่ากับ 261.4 เช่นกัน โดยจำนวนห้องพักของธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 5,199 ห้อง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีจำนวนห้องพัก 3,432 ห้อง
ออฟฟิศโกยรายได้ต่อเนื่อง
นางวัลลภากล่าวว่า กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง มีอัตราการเติบโตของรายได้ไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีกลุ่มผู้เช่าที่เป็นลูกค้าองค์กรธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้เช่าคุณภาพอยู่มากกว่าร้อยละ 60 ด้วยสินทรัพย์อาคารสำนักงานคุณภาพเกรด A ที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพย่านธุรกิจ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากประชาชนเข้ามาจับจ่ายและใช้บริการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น
รวมถึงการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นจะส่งผ่านเป็นอิบิทดา (Flow Through) มีสัดส่วนมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยวอย่างเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ที่มี Flow Through ในไตรมาส 3/2565 เท่ากับร้อยละ 106 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทุ่ม 8.8 พันล้าน ช็อปโรงแรมเข้าพอร์ต
นางวัลลภากล่าวต่อว่า AWC จะเข้าลงทุนและพัฒนา 2 โครงการในกรุงเทพฯ และภูเก็ต รวมมูลค่า 8,856 ล้านบาท เพิ่มพอร์ตสินทรัพย์คุณภาพของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ได้แก่ การเข้าลงทุนและพัฒนาในโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ และโครงการ เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต ช่วยเสริมศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย
โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์
โครงการ เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต
ทั้งนี้ ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา AWC ได้ลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกมากมาย อาทิ การลงนามสัญญาร่วมทุน และจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เอดับบลิวซี ฮอสปิทอลลิตี้ เดเวลอปเมนท์ จำกัด เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย โดยบริษัทมีแผนเพิ่มทุนรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 10,800 ล้านบาท รวมถึงการร่วมมือกับ Nobu Hospitality แบรนด์ไลฟ์สไตล์สุดหรูระดับโลก แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนลธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และดิจิทัล เวนเจอร์ส
รวมถึง สร้างความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และพันธมิตร ซึ่งเป็นความร่วมมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน ยกระดับประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก
10/11/2565 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (10 พฤศจิกายน 2565)