ความสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์จากผู้บริหารตระกูลจิราธิวัฒน์ ท่ามกลางสถานการณ์โควิดและบรรยากาศคุกรุ่นสงครามรัสเซีย-ยูเครน สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล ประกาศแผนลงทุน 5 ปี (2565-2569) สร้างอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 18% ต่อเนื่อง ด้วยงบฯลงทุนไม่ต่ำกว่าปีละ 7,000 ล้านบาท
ล่าสุดรายได้ตัวเลขกลม ๆ ของซีอาร์ซี ไทวัสดุ จบลงที่ 30,000 กว่าล้านบาทในปี 2564 กลายเป็น BU-business unit ที่มีอัตราเติบโตโดดเด่นในกลุ่มเซ็นทรัล ณ นาทีนี้
2565 กลับมาโตก้าวกระโดด กล่าวสำหรับซีอาร์ซี ไทวัสดุ ตลอดระยะเวลา 12 ปีในการก่อตั้ง ได้ขยายธุรกิจสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน รวมถึงสินค้าที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้คน ครอบคลุมทุกเรื่องเกี่ยวกับบ้านและรถ หากสถานการณ์โควิดเป็นบททดสอบความอยู่รอดองค์กร อาจกล่าวได้ว่ากลุ่มไทวัสดุสอบผ่านปริญญาโควิดเรียบร้อยแล้ว
ประเมินจากปี 2564 บริษัทสร้างยอดขายเติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2563 มีการขยายไทวัสดุเพิ่ม 5 สาขา เมื่อรวมกับบีเอ็นบีโฮม (รีแบรนด์จากบ้าน&บียอนด์) เบ็ดเสร็จปัจจุบันมีสาขาในกรุงเทพฯ 33 สาขา ต่างจังหวัด 62 สาขา ภายในสิ้นปี 2565 ประกาศขยายสาขาเพิ่มในกรุงเทพฯ 58 สาขา อัพคันทรี่อีก 125 สาขา
นั่นหมายความว่าปี 2565 ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จะกลับมาเติบโตก้าวกระโดดอีกครั้ง หลังจากเคยทำสถิติเติบโตติดจรวดขยายปีละ 10-16 สาขา มาแล้วก่อนยุคโควิด
ควบคู่กับเปิดธุรกิจใหม่วาไรตี้สโตร์ โก! ว้าว รองรับเทรนด์ Home Convenience ของผู้บริโภคในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีของให้เลือกช็อปราคาเริ่มต้น 5 บาท ครอบคลุมสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 20,000 รายการ เป้าหมายสิ้นปี 2565 จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 70 สาขา เป็นธุรกิจ Next Growth ของบริษัท
CRC Retailligence กลยุทธ์การแข่งขันสำหรับปี 2565 ซีอาร์ซี ไทวัสดุ มุ่งเป้าการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำค้าปลีกออมนิแชนเนลตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย สานต่อยุทธศาสตร์ CRC Retailligence สร้างอัตราการเติบโตของธุรกิจ (CAGR) ในระยะ 10 ปี (2560-2569)
ทั้งนี้ บิสซิเนสโมเดล CRC Retailligence ถือเป็นโมเดลลิขสิทธิ์ของกลุ่มเซ็นทรัลก็ว่าได้
มองย้อนกลับไป 5 ปีก่อนหน้านี้มีอัตราเติบโตธุรกิจอยู่ที่ 12% แผนเชิงรุก 5 ปีหน้าประกาศสร้างอัตราการเติบโตธุรกิจต่อเนื่องปีละ 18% ตั้งเป้าผลกำไรเพิ่มขึ้น 30% ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจใน 5 กลยุทธ์หลัก
เริ่มจาก 1.กลยุทธ์การเติบโต วันนี้ประกาศความเป็นผู้นำค้าปลีกออมนิแชนเนลตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านครบวงจร วางงบฯลงทุน 7,000 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายสาขาใหม่ รีโนเวตสาขาเดิม การรีแบรนด์ และพัฒนาบริการในทุกแบรนด์ ครอบคลุม ไทวัสดุ-บีเอ็นบีโฮม-ออโต้วัน-โก! ว้าว
2.ออมนิแชนเนล ความสำเร็จในปี 2564 ช่องทางออนไลน์เติบโต 400% สินค้า 70,000 รายการ มียอดการเยี่ยมชม 16 ล้านครั้ง/เดือน ลูกค้าแอ็กทีฟ 2 ล้านราย/เดือน สร้างยอดขาย 60,000 ออร์เดอร์/เดือน
รุกหนักในปี 2565 ตั้งเป้าการเติบโตช่องทางออนไลน์ 150% ยกระดับแพลตฟอร์มออมนิแชนเนล ยิงสลุตเปิดตัวโมบายแอปพลิเคชั่น ไทวัสดุ-บีเอ็นบีโฮม-ออโต้วัน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ไฮไลต์รวมถึงพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ให้การสั่งซื้อสินค้าง่ายเหมือนการดูเมนูในร้านอาหารโปรด
ขยายดีซี 1.6 แสนตารางเมตร 3.โลจิสติกส์ บนแลนด์แบงก์รวม 120 ไร่ แม้จะเพิ่ม DC-distribution center อีก 1.6 แสนตารางเมตร ขยายตัว 120% แต่ยังมีที่ดินเหลืออีกเกินครึ่งรอลงทุนในอนาคต ขับเคลื่อนการลงทุนใช้รถอีวีทรัก 50% เพื่อลดต้นทุนขนส่งจาก กม.ละ 7.3 บาท กดให้เหลือ 3 บาท ผลพลอยได้ธุรกรรมรักษ์โลก การใช้อีวีทรัก 30 คันในปีนี้ เท่ากับลดการปล่อยก๊าซ CO2 เทียบกับปลูกต้นไม้ใหญ่ปีละ 200 ต้น
4.ธุรกิจยั่งยืนและดูแลสังคม การขับเคลื่อนธุรกิจที่ยั่งยืนทั้งพนักงาน คู่ค้าสังคมและสิ่งแวดล้อมตามนโยบายของเซ็นทรัล มุ่งเน้น 3 มิติหลัก ครบถ้วนทั้ง People Centric ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพคน, Sharing Society ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคม และ Environmental Oriented สร้างการเติบโตของธุรกิจที่เคียงข้างกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ริเริ่มติดตั้ง solar roof ตั้งเป้าทุกสาขาในปี 2566 ช่วยลดภาวะโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เทียบเท่าปลูกต้นไม้ 2.5 ล้านต้น
5.อนาคตธุรกิจใหม่ที่กำลังจะสร้าง มองไปที่การลงทุนขยายธุรกิจใหม่ในกลุ่มฟาสต์ฟิตของแบรนด์ออโต้วัน
ในปีนี้และอนาคตสิ่งที่เราต้องทำ ตั้งแต่ขยายความเจริญ อัตราการเติบโต มุ่งเน้นไปที่ออมนิแชนเนล สร้างรากฐานโลจิสติกส์ให้ดี และช่วยเหลือดูแลสังคมที่เราไปทุกที่ และเติบโตในตลาดใหม่ที่เราสร้างเพื่ออนาคต เป็น 5 เรื่องที่เราสร้างเพื่อครองใจลูกค้าต่อไป
สถานีต่อไปมุ่งหน้าอาเซียน เมื่อถามถึงแผนลงทุนไทวัสดุในตลาดอาเซียน คำตอบในใจของซีอีโอสุทธิสาร มีความตั้งใจจะไปลงทุนอยู่แล้ว แต่ติดข้อจำกัดสถานการณ์โควิดทำให้แผนลงทุนดีเลย์ออกไป
เรามองหมด ไม่ว่าตลาดเมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สำหรับผมการจะเปิดร้าน 1 ร้าน 1 สาขาในต่างประเทศต้องใช้ความมั่นใจสูง อย่างที่เราเห็น ๆ อยู่ว่าไทวัสดุเปิดมาก่อนหน้านี้ เราไม่เคยขายวัสดุก่อสร้างเลย แต่เรามีแบ็กอัพที่ดี มีไฟแนนเชียลที่ดี มีความรู้เรื่องรีเทล เรื่องโลเคชั่น ยังใช้เวลาตั้งนาน ถ้าหากจะไปลงทุนต่างประเทศต้องขอเวลามากกว่านี้ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะไปทันที แต่การศึกษาตลาดมีแน่นอน
15/5/2565 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (15 พฤษภาคม 2565)