info@icons.co.th 02 810 8892-6 18.97.14.80

BCH ปักหมุดลงทุนใหมปี’67 ตัดริบบิ้นศูนย์มะเร็ง-เตรียมลุยจีโนมิกส์

Hospital News / ข่าวหมวดโรงพยาบาล

“บางกอกเชน” กางโรดแมปการลงทุนปี’67 จับตาปัจจัยลบรุมเร้า หวั่นเศรษฐกิจไม่เฟื่อง แตะเบรกลงทุนโครงการใหม่ ขอโฟกัสลุยโปรเจ็กต์ต่อเนื่อง “ศูนย์มะเร็ง-เกษมราษฎร์ สมุทรปราการ” พร้อมเร่งทยอยรีโนเวตสาขารับคนไข้เงินสด-ประกันสังคม เผยได้โควตาประกันสังคมเพิ่มอีกกว่า 3 แสนราย เล็งเปิดศูนย์จีโนมิกส์-ศึกษาขยายบริการสเต็มเซลล์ในอนาคต

ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกเชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ผู้บริหาร รพ.เวิลด์เมดิคอล, รพ.เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, รพ.เกษมราษฎร์ และ รพ.การุญเวช เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงยุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินงานปี 2567 ว่า เนื่องจากขณะนี้ ภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมที่ยังไม่มีความชัดเจนนักและยังมีปัจจัยลบหลาย ๆ อย่างที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

เบื้องต้น บริษัทได้วางยุทธศาสตร์ทางการดำเนินงานไว้ว่า จะไม่เร่งขยายการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ โดยจะมีการลงทุนเพียง 2 โปรเจ็กต์ ที่เป็นการลงทุนต่อเนื่อง คือ ศูนย์การแพทย์สำหรับรักษาโรคมะเร็งด้วยรังสีรักษา ที่อาคารด้านข้าง รพ.เวิลด์เมดิคอล (ถนนแจ้งวัฒนะ) ใช้งบฯลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งและลดค่าใช้จ่ายในการส่งต่อผู้ป่วยไปยัง รพ.นอกเครือข่าย รวมถึงเป็นศูนย์รับส่งต่อครอบคลุมทั้งผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม

ส่วนอีกโปรเจ็กต์หนึ่ง คือ รพ.เกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ ที่สมุทรปราการ บนเนื้อที่ 25 ไร่ ลงทุน 1,650 ล้านบาท เป็น รพ.ขนาด 268 เตียง อยู่ระหว่างยื่นขอรับการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 และเปิดให้บริการในต้นปี 2570 ทั้ง 2 โครงการนี้จะเป็นการลงทุนที่ใช้กระแสเงินสดของบริษัท

“เราไม่ได้หยุดขยายการลงทุน เรายังมีแผนการลงทุนต่อเนื่อง เพียงแต่ช่วงนี้จะระมัดระวัง ไม่รีบร้อน และจะไม่กู้เงินจากสถาบันการเงินมาลงทุน และการลงทุนที่เกิดขึ้นจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเป็นหลัก”

เน้นลงทุนด้วยกระแสเงินสด

ศ.ดร.นพ.เฉลิม ยังให้ข้อมูลด้วยว่า นอกจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว บริษัทยังจะมีการลงทุนรีโนเวตสาขา ซึ่งคาดว่าจะใช้งบฯราว ๆ 300-400 ล้านบาท/สาขา เพื่อรองรับคนไข้ที่คาดว่าจะมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น ทั้งคนไข้กลุ่มเงินสดและคนไข้ประกันสังคม

ซึ่งล่าสุดบางกอกเชนได้รับโควตาประกันสังคมเพิ่มมาอีก 3 แสนกว่าคน จากเดิมที่มีอยู่ 1,542,150 คน เช่น เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ที่มีผู้ประกันตนเพิ่มอีกประมาณ 80,000 ราย (เดิม 193,000 คน), เกษมราษฎร์ บางแค เพิ่มอีกประมาณ 100,000 คน (เดิม 190,000 คน) เกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ เพิ่มอีก 64,000 ราย (เดิม 111,500 ราย) เป็นต้น

“จึงเป็นที่มาของการที่ เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ต้องขยาย OPD ประกันสังคมเป็น 2 ชั้น คือ ชั้น 2 และ 6 และมีการเพิ่มห้องตรวจ มีการติดตั้งเครื่อง MRI การใส่เทคโนโลยีในการผ่าตัดหัวใจ ขณะที่เกษมราษฎร์ ฉะเชิงเทรา จะมีการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยนอก เพิ่มศูนย์โรคหัวใจแบบครบวงจร และเป็นศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วยโรคหัวใจในพื้นที่ คาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้”

เช่นเดียวกับ เกษมราษฎร์ บางแค ที่มีการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยนอก ห้องพักผู้ป่วยใน และหอผู้ป่วยวิกฤต รวมถึงห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ศูนย์ไตเทียม คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2567 ส่วน การุญเวช ปทุมธานี จะยกระดับให้ รพ.มีพื้นที่ให้บริการและศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพื่อรองรับผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยประกันสังคมได้ดีมากขึ้น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปีนี้เช่นกัน

ยกระดับ-ขยายบริการ

ศ.ดร.นพ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า นโยบายสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การพัฒนาศักยภาพและมาตรฐานการให้บริการของ รพ.ในเครือ เช่น เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ที่อยู่ระหว่างการทำเรื่องมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) จากเมื่อเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ เกษมราษฎร์ รามคำแหง เพิ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI ไปแล้ว

และจะมีการขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางให้ครอบคลุมหลากหลายพื้นที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์หัวใจ ศูนย์ศัลยกรรมความงาม เป็นต้น รวมทั้งการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการรักษาผู้ป่วย

รวมทั้งมีแผนการจัดตั้งศูนย์วิเคราะห์รหัสพันธุกรรม (Genomics Center) เพื่อให้บริการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมและลดค่าใช้จ่ายของ รพ.ในเครือ ในการส่งข้อมูลไปวิเคราะห์ที่ศูนย์ปฏิบัติการทางการแพทย์ภายนอก เช่น การตรวจหาโรคพันธุกรรมของทารกในครรภ์ และในอนาคตจะขยายไปให้บริการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมเชิงลึก เช่น ความเสี่ยงของการเกิดโรคในอนาคตเพื่อวางแผนดูแลสุขภาพ

ซึ่งจีโนมิกส์ จะเป็นหัวใจสำคัญในการพยากรณ์การเจ็บป่วย หรือโรคของแต่ละบุคคล ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกันก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในแง่ของการป้องกันหรือการรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดของศูนย์สเต็มเซลล์เพื่อขยายบริการทางการแพทย์ให้ครบวงจรในอนาคตอีกด้วย

คนไข้ ตปท.โตเร็ว-รายได้เพิ่ม

เมื่อถามถึงการคาดการณ์ผลการดำเนินงานปี 2566 ปีที่ผ่านมา ศ.ดร.นพ.เฉลิมกล่าวว่า “จริง ๆ แล้วผลการดำเนินงานไตรมาส 4/66 กว่าจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯก็คงหลังกุมภาพันธ์ไปแล้ว ส่วนไตรมาส 3/66 ที่ผ่านมา มีรายได้ประมาณ 3,100 ล้านบาท เมื่อรวม 9 เดือนแรกของปี รายได้อยู่ที่ประมาณ 8,700 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 หรือปีก่อนหน้าที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19

และที่น่าสนใจคือ ปีที่ผ่านมา รายได้จากกลุ่มคนไข้เงินสดที่มีสัดส่วนประมาณ 70% ของรายได้รวม เติบโตค่อนข้างดี ทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ส่วนอีก 30% มาจากกลุ่มลูกค้าประกันสังคม

“ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ตัวเลขผู้ป่วยต่างชาติเติบโตค่อนข้างเร็ว สะท้อนจากตัวเลขรายได้จากคนไข้ต่างประเทศ ที่ไตรมาส 3/66 ที่ทำสถิติรายได้สูงถึง 585 ล้านบาท ทำให้ช่วง 9 เดือน มีรายได้รวม 1,520 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงปี 2565 ทั้งปีที่มีรายได้ 1,524 ล้านบาท

เช่นเดียวกับจำนวนคนไข้ต่างประเทศ ที่ 9 เดือน มีมากถึง 102,590 คน จากปี 2565 ทั้งปีที่ตัวเลขอยู่ที่ 81,055 คน แต่ขณะนี้ ยังเหลืออีก 1 ไตรมาส เบื้องต้นคาดว่าทั้งปีตัวเลขอาจจะทะลุ 120,000 คน ขณะที่ในแง่รายได้ก็จะมีสัดส่วนที่มากขึ้นเช่นกัน และคนไข้ต่างประเทศ หลัก ๆ เป็นกลุ่มตะวันออกกลาง ราว ๆ 49% และ CLMV 34% จีน 3.6% โดยเฉพาะ CLMV ที่เติบโตค่อนข้างมาก”

จากนี้ไป ยังมีแผนจะขยายฐานกลุ่มคนไข้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเร็ว ๆ นี้จะเดินทางไปทำตลาดที่ซาอุดีอาระเบียอีกครั้งหนึ่ง หรือส่วนตลาดจีนอาจจะต้องรอดูว่าหลังจากวันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป มาตรการฟรีวีซ่าไทย-จีน จะเป็นอย่างไร

ปัจจัยบวกอีกอย่างหนึ่ง คือ การเพิ่มการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์กรณีเหมาจ่ายให้แก่สถานพยาบาลคู่สัญญา ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เป็น 1,808 บาท จากเดิม 1,640 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 รวมถึงการที่ รพ.ในเครือ 10 แห่ง เข้าร่วมโครงการตรวจสุขภาพเชิงรุกในสถานที่ทำงานของผู้ประกันตน และโครงการนำร่องเพื่อการรักษาหัตถการ 5 กลุ่มโรค (โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งเต้านม โรคก้อนเนื้อที่มดลูก และโรคนิ่วในไตหรือถุงน้ำดี) ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2566

21/1/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 21 มกราคม 2567 )

ช่องยูทูปของ iCONS