นายอนุชิต สรรพอาษา กรรมการผู้จัดการบริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น ประกาศยุทธศาสตร์สู่การเป็น สตรีตฟู้ดมหาชน มุ่งขยายธุรกิจร้านอาหารเต็มรูปแบบ รับกระแสความต้องการของตลาด พร้อมเผยแผนธุรกิจปี 2568 ทุ่มงบฯ 300 ล้านบาท รุกขยายสาขาร้านอาหารในเครือเพิ่ม 15 สาขา พร้อมเตรียมปัดฝุ่นแบรนด์แฟรนไชส์ในเครือ เพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจ-การแข่งขัน โดยคาดว่าสิ้นปี 2567 จะมีรายได้แตะ 1,200 ล้านบาท
นายอนุชิต สรรพอาษา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยสภาพตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะทั้งความต้องการอาหารที่หลากหลายมากขึ้น การเติบโตของช่องทางดีลิเวอรี่ และกระแสรักสุขภาพ ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับตัว ด้วยการมุ่งเน้นการขยายธุรกิจร้านอาหาร ควบคู่กับการพัฒนาแบรนด์และสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนทำงาน
ชายสี่ พลัส รุกตลาดคนรุ่นใหม่
โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ต่อยอดความสำเร็จจากแบรนด์ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว สู่การพัฒนาเมนูรูปแบบใหม่ ภายใต้แบรนด์ ชายสี่ พลัส (CHAIXI Plus+) โดยเน้นการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง นำเสนอรสชาติที่หลากหลาย เช่น บะหมี่เกี๊ยวกุ้งแม่น้ำ บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงฮ่องกง และเกี๊ยวซ่าชีส
รวมถึงการสร้างบรรยากาศร้านที่ทันสมัย เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 5 สาขา ทั้งในรูปแบบคีออสก์ในห้างสรรพสินค้า และร้านค้าแบบ Stand Alone รวมถึงยังมีการร่วมทุนกับพันธมิตรร้านอาหารที่มีศักยภาพอีกด้วย
หากย้อนกลับไป 30 ปีที่แล้ว สตรีตฟู้ดข้างถนนก็มีแต่บะหมี่เกี๊ยว แต่วันนี้มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาค่อนข้างเยอะ จึงทำให้เรามองหาโอกาสอื่น ๆ ประกอบกับธุรกิจอาหารบูมมากในเมืองไทย เราก็เลยทรานส์ฟอร์มตัวเองจากเจ้าแห่งเส้น เป็นเจ้าแห่งสตรีตฟู้ด
ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ร้านอาหารพันธมิตรอยู่ในพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่ BRIX Dessert Bar, หมูสองชั้น หมูกระทะ และล่าสุด คือ ก๋วยเตี๋ยวเรือ เสือร้องไห้ ที่ได้เปิดตัว ณ เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นสาขาแรกในกรุงเทพฯ และเป็นสาขาที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จจากสาขาดั้งเดิมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยเบื้องต้นบริษัทจะมีหน้าที่ในการเข้าไปช่วยบริหารจัดการระบบหลังบ้าน เช่น การจัดซื้อวัตถุดิบ การบริหารสต๊อกสินค้า การควบคุมต้นทุน และการพัฒนาระบบบัญชี รวมถึงการนำ Data Analytics มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล พัฒนาสูตรอาหาร และออกแบบแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
ลุยขยายสาขา-ปัดฝุ่นแฟรนไชส์
นายอนุชิตกล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2568 บริษัทได้เตรียมทุ่มงบฯลงทุนไว้ราว 300 ล้านบาท ในการมุ่งขยายธุรกิจร้านอาหารที่เป็นพันธมิตรเพิ่มอีก 15 สาขา แบ่งเป็น BRIX Dessert Bar เพิ่มอีก 7 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 5 สาขา, หมูสองชั้น หมูกระทะ เพิ่มอีก 4 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 2 สาขา และก๋วยเตี๋ยวเรือ เสือร้องไห้ เพิ่มอีก 4 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 2 สาขา
ควบคู่กับการปรับปรุงคุณภาพ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์แฟรนไชส์ในเครือ เช่น การพัฒนาสูตรอาหาร ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ และจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตของแบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงยังให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในทุกกระบวนการ เช่น การนำ Data Analytics มาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า
เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นที่ตรงใจ การพัฒนาแอปพลิเคชั่นสั่งอาหาร เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า รวมถึงการนำระบบ Automation มาใช้ในโรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุน และควบคุมคุณภาพสินค้าอีกด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันชายสี่ฯมีแบรนด์แฟรนไชส์ที่เป็นของบริษัทอยู่ทั้งหมด 7 แบรนด์ ได้แก่ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ชายสี่พลัส ชายใหญ่ข้าวมันไก่ พันปีบะหมี่เป็ดย่าง อาลีหมี่ฮาลาล ไก่หมุนคุณพัน ลูกชิ้นทอดโอ้มายก๊อด รวมทุกแบรนด์กว่า 4,500 สาขา ซึ่งภายในปี 2567 คาดว่าจะสปีดได้เต็มที่ประมาณ 6,000 สาขา
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัว แต่ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และการปรับตัวให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง คาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็น สตรีตฟู้ดมหาชน ที่ครองใจผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยอย่างยั่งยืน รวมถึงคาดว่าสิ้นปีรายได้ทั้งกรุ๊ปแตะ 1,200 ล้านบาท
13/11/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 13 พฤศจิกายน 2567 )