จากการเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ AWC เร่งเดินหน้าตามกลยุทธ์การเติบโต และสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยให้เป็นเดสติเนชั่นระดับโลก
โดยมีเป้าหมายขยายพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพกว่า 2 เท่าตัว ภายใน 5 ปี ภายใต้งบฯลงทุนรวม 1.26 แสนล้านบาท ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ครอบคลุมทั้งในด้าน Attraction, Food & Beverage และ Lifestyle Market
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC บอกถึงทิศทางการดำเนินงานว่า AWC ตั้งเป้า Go to High-end Market หรือการพัฒนาโปรดักต์ที่อยู่ในกลุ่ม ลักเซอรี่ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ หรือ Quality Demand เข้ามาเที่ยวประเทศไทย
เป็นจังหวะที่เราวางแนวทางการลงทุนไว้สอดรับกับตลาด โดยหลังโควิดพบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มที่ออกเดินทางก่อนล้วนเป็นไฮเอนด์ ทำให้โรงแรมในกลุ่มของเราพลิกฟื้นได้เร็ว และกลับมาได้ก่อนเซ็กเมนต์ระดับกลางและกลุ่มโรงแรมขนาดเล็ก
วัลลภา ให้ข้อมูลว่า ณ สิ้นปี 2566 AWC มีจำนวนโรงแรมที่เปิดดำเนินการทั้งหมด 22 โรงแรม รวม 6,029 ห้อง และห้องอาหารอีกหลากหลายแห่งในโรงแรมและจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย ครอบคลุมทำเลหลักในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ อาทิ พัทยา (ชลบุรี) ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ เป็นต้น
ประกอบด้วยโรงแรมกลุ่มไมซ์ (MICE) โรงแรมในเมือง รีสอร์ตระดับลักเซอรี่ ภายใต้การบริหารของทีมงานแบรนด์โรงแรมคุณภาพระดับสากล ได้แก่ แมริออท โฮเทลส์, เดอะ ลักชูรี่ คอลเลกชั่น, เลอ เมอริเดียน, เชอราตัน, คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท, บันยันทรี, ฮิลตัน, ดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน, ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส, มีเลีย, อินเตอร์คอนติเนนตัล และโอกุระ
ทุกแบรนด์ ทุกโรงแรม ล้วนเป็นโรงแรมในกลุ่มลักเซอรี่ทั้งสิ้น
ยุคก่อนคนทำโรงแรมจะขยับราคาห้องพักตามอัตราเข้าพัก ช่วงไหนมีอัตราการเข้าพักสูงก็จะขยับราคาขึ้น แต่วันนี้เรามั่นใจในการตั้งราคาห้องพักที่สูงตั้งแต่เปิดให้บริการ ปักหมุดให้รู้ว่าเราต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพ เช่น แบรนด์แมริออท ก่อนโควิดเราตั้งราคา 3,000 กว่าบาท วันนี้เราทำได้ถึง 8,000 กว่าบาท เป็นต้น
พร้อมอธิบายว่า ธุรกิจโรงแรมจะมีดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้เปรียบเทียบรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่มีทั้งหมดของโรงแรมกับรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่มีทั้งหมดของโรงแรมในตลาด
โดยในอดีตค่าเฉลี่ย RGI จะมีอัตราเฉลี่ยที่ราว 100 ปัจจุบันโรงแรมหลายแห่งของ AWC มีค่าเฉลี่ย RGI สูงขึ้นมาก อาทิ คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 213.5 แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 188.7 และบันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI เท่ากับ 146.4
และย้ำว่า นี่คือ เหตุผลที่ AWC ยังคงมุ่งพัฒนา ปรับปรุง และเพิ่มศักยภาพให้กับทรัพย์สินคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเร่งเพิ่มพอร์ตแบรนด์ลักเซอรี่ ไม่ว่าจะเป็นแมริออท มีเลีย อินเตอร์คอนติเนนตัล บันยันทรี ฯลฯ ในพื้นที่พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ หรือแม้กระทั่งเมืองรองอย่าง เชียงราย เช่นเดียวกับกรุงเทพฯ
6/3/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 6 มีนาคม 2567 )