ภูเก็ตนับเป็นทำเลค้าปลีกที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของไทย ทั้งด้วยตำแหน่งเดสติเนชั่นอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติรองจากกรุงเทพฯ ที่เดินทางมาเยือนกว่า 15 ล้านคน/ปี รวมถึงความพร้อมด้านกำลังซื้อในพื้นที่ของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาพำนักอยู่เป็นระยะเวลานาน หรือ Expat สะท้อนชัดเจนจากจำนวนห้างค้าปลีก ไฮเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึงโรงเรียนนานาชาติที่ต่างมีมากกว่าสิบแห่ง บนพื้นที่เพียงประมาณ 540 ตร.ม. ของเกาะ
และในปี 2569 ที่จะถึงนี้ วงการค้าปลีกของภูเก็ตมีแนวโน้มจะคึกคักและดุเดือดขึ้นไปอีกขั้น เมื่อ สยามพิวรรธน์ ไซม่อน บริษัทร่วมทุนระหว่าง ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป และ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้บริหาร สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ประกาศปักสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต สาขาที่ 2 ของไทย ในทำเลใจกลางจังหวัดภูเก็ต ภายใต้ชื่อ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ภูเก็ต หวังชิงดีมานด์สินค้าหรูของทั้งนักท่องเที่ยวและชาวภูเก็ตในปัจจุบันและทศวรรษข้างหน้า
เอาต์เลตคอนเซ็ปต์พิเศษ
โดย สยามพิวรรธน์ ไซม่อน เผยว่า สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ภูเก็ต จะอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์พิเศษที่พัฒนาขึ้นสําหรับพื้นที่จังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะ ที่ไม่เพียงตอบสนองความต้องการในปัจจุบันด้วยการผสมผสานที่หลากหลายของร้านค้าแบรนด์หรู สินค้าจากดีไซเนอร์ และผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้าน พร้อมโปรโมชั่นราคาพิเศษ แต่ยังสามารถรองรับการเติบโตของภูเก็ตในอนาคตอีกสิบปีข้างหน้าได้ด้วย
ทั้งนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่จะสามารถสร้างปรากฏการณ์น่าตื่นเต้นเร้าใจให้กับวงการค้าปลีกภูเก็ตอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รวมถึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการช็อปปิ้งและการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทย
สำหรับ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ภูเก็ต นั้น มีกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2569
ยักษ์เอาต์เลตย้ำศักยภาพของภูเก็ตว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวนั้นเห็นได้ชัดจากค่าใช้จ่ายต่อหัวที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงประมาณ 8,355 บาทต่อคนต่อวัน ด้านผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติในพื้นที่สามารถเห็นได้จากจำนวนห้างค้าปลีกที่มีมากถึง 14 แห่ง และไฮเปอร์มาร์เก็ตอีก 19 แห่ง รวมถึงโรงเรียนนานาชาติที่มีมากถึง 15 แห่ง
นอกจากนี้ ยังมีจุดแข็งในด้านความสะดวกในการเดินทาง ทั้งรถสาธารณะหลากหลายรูปแบบ รวมถึงถนน และทางหลวงที่เชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่าง ๆ อีกทั้งยังมีสนามบินที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี รวมไปถึงโครงการสนามบินนานาชาติอันดามัน จ.พังงา ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ต่อยอดความสำเร็จสาขา กทม.
ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรีสายใหม่ (ทางหลวงหมายเลข 7) ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนการตัดสินใจลงทุนขยายสาขาครั้งนี้
หลังผลประกอบการของ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ในปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันอัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการเต็ม 100%
โดยร้านค้าในโครงการประกอบด้วย ร้านค้าจากแบรนด์มากกว่า 300 แบรนด์ ทั้งระดับลักเซอรี่แบรนด์ แบรนด์ของดีไซเนอร์ รวมถึงแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล และแบรนด์ไทยต่าง ๆ โดยมีไฮไลต์เป็นแบรนด์ที่มีเฉพาะในโครงการเท่านั้น อาทิ Balenciaga, Burberry, Versace, Marc Jacobs, Karl Lagerfeld, Rebecca Minkoff, Longchamp, Boss, Montblanc, Swiss Watch Gallery, Fred Perry, Nike United SPO, Pomelo, Siam Takashimaya เป็นต้น
ส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการทั้งผู้เช่าเดิมในโครงการ และผู้เช่าใหม่จำนวนมากต่างแสดงความต้องการและเสนอแนะให้บริษัทลงทุนขยายโครงการใหม่ จึงเป็นที่มาของโครงการสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ภูเก็ต ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้บริษัท พร้อมกับส่งเสริมและเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยได้อย่างแน่นอน
3/9/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 3 กันยายน 2567 )