เทรนด์ Pet Parent บูมไม่หยุด-เม็ดเงินสะพัด เหล่าทาสทุ่มหนัก 30,000-40,000 บาท/ปี ให้เจ้านายสุขภาพดี-อายุยืนยาว ทำคลินิก-รพ.สัตว์แข่งเดือด ผู้เล่นแห่ผุดสาขาใหม่ 600-700 แห่งทุกปี รพ.สัตว์ทองหล่อมุ่งจับมือพันธมิตรร่วมทุนร่วมบริหารสร้างรายได้ใหม่ ด้าน รพ.สัตว์อารักษ์โฟกัสโพซิชั่นเทคโนล้ำราคาจับต้องได้
จากเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงของคนในยุคปัจจุบันมีรูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มเจ้าของเลี้ยงเดิมที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดูแลสัตว์เลี้ยงของตนเอง และกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงมือใหม่ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงต่อตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในด้านสุขภาพสัตว์ ส่งผลให้คลินิก-รพ.สัตว์ต่างเดินหน้าขยายสาขาหลากหลายรูปแบบมาชิงเม็ดเงินก้อนนี้
ทุ่ม 3-4 หมื่นเพื่อสุขภาพเจ้านาย
สัตวแพทย์หญิงกฤติกา ชัยสุพัฒนากุล ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันคนที่เลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทั้งเรื่องอาหารการกิน หรือการดูแลรักษาต่าง ๆ โดยที่ผ่านมาเจ้าของสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะใช้จ่ายกับค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยสูงถึง 30,000 บาทต่อปี
ตัวอย่าง เช่น การเลี้ยงหมาพันธุ์ใหญ่จะใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 28,000-29,000 บาทต่อปี ส่วนหมาพันธุ์เล็ก จะใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 24,000-26,000 บาทต่อปี ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ด้วยเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว จึงทำให้ผู้เลี้ยงยอมจ่าย เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของตนมีอายุยืนยาว และมีสุขภาพดี โดยปัจจุบันสัตว์เลี้ยงที่นิยมเลี้ยงมากที่สุด คือ หมา 60% และแมว 40%
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ttb analytics ประเมินค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวระบุว่า เจ้าของจะมีภาระค่าใช้จ่ายเฉลี่ยราว 41,100 บาทต่อตัวต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเลี้ยงดูแบบปล่อยอิสระที่จะมีค่าใช้จ่ายเพียงราว 7,745 บาทต่อตัวต่อปี
ลุยร่วมทุนร่วมบริหาร
สัตวแพทย์หญิงกฤติกากล่าวต่อไปว่า จากเทรนด์ดังกล่าว รพ.สัตว์ทองหล่อ จึงมีแผนขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด โดยจะเน้นขยายธุรกิจในเชิง Portfolio Management ที่มีทั้ง Pet Hospital และ Pet Well Being โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2567 มีแผนขยายสาขาเพิ่มทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายสาขาในประเทศนั้นช่วงต้นเดือนตุลาคม เตรียมเปิดสาขาใหม่ที่อโศก-ประสานมิตร บริเวณสุขุมวิท 31 ซึ่งนับเป็นสาขาที่ 21 โดยใช้งบฯลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท
ส่วนปี 2568 มีแผนย้ายโลเกชั่นสาขาปิ่นเกล้า ที่เดิมมีพื้นที่ขนาด 600 ตร.ม. ไปอยู่ตรงข้ามกับตั้งฮั่วเส็ง ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,500 ตร.ม. เพื่อรองรับดีมานด์ หลังสาขาปิ่นเกล้าเป็นสาขาที่มียอดขายเป็นอันดับ 2 รองจากสาขาทองหล่อ ขณะที่แผนขยายสาขาต่างประเทศ ในปี 2568 คาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 1 แห่งในเวียดนาม ซึ่งจะเป็นการ JV กับพาร์ตเนอร์ โดยกำลังศึกษาตลาดทั้งโฮจิมินห์ และฮานอย ทำให้ ณ สิ้นปี 2567 รพ.สัตว์ทองหล่อจะมีสาขาอยู่ทั้งหมด 21 สาขา แบ่งเป็นไทย 20 สาขา และเวียดนาม 1 สาขา
นอกเหนือจากการขยายสาขา ยังมีแผนเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะทั้ง รพ.สัตว์ด้วยกันเอง และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งในส่วนของการจับมือกับ รพ.สัตว์รายอื่น จะเน้นเข้าไปร่วมทุนและร่วมบริหารจัดการหลังบ้าน แบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่ Pet Hospital ร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์เปิดศูนย์รับส่งต่อโรคซับซ้อน โดยมีสำนักงานใหญ่และสาขาขนาดใหญ่รองรับการส่งต่อเพื่อวินิจฉัยรักษาก่อนส่งกลับโรงพยาบาลต้นทาง
อีกด้านคือ Pet Well Being ที่จะเน้นส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง เช่น บริการ Grooming, Pet Swimming Pool, Pet Park และสินค้าสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงอย่าง Dr.Choice ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว คาดว่าสิ้นปี 2567 จะเติบโต 6-8% หรือเทียบเท่าตลาดรวม
อัดเทคครบวงจรชิงลูกค้า
ด้าน สพญ.ทัศวรินทร์ กาญจนฉายา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อารักษ์ แอนิมัล เฮลท์แคร์ จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ กล่าวว่า แม้ว่าตอนนี้จะมีคลินิก และรพ.สัตว์เปิดใหม่เฉลี่ย 700 แห่งต่อปี แต่ในตลาดสัตว์เลี้ยงมูลค่า 75,000 ล้านบาท โรงพยาบาลสัตว์มีสัดส่วน 9% หรือเท่ากับ 6,640 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามจำนวน Pet Parents
โดยบริษัทจะชิงสร้างความได้เปรียบด้วยการเดินหน้าขยายสาขา พร้อมเทคโนโลยีและบริการแบบครบวงจรในราคาเข้าถึงได้ มีไฮไลต์เป็นสาขาแฟลกชิปแห่งแรกที่ทองหล่อ บนพื้นที่ประมาณ 5,000 ตร.ม. ซึ่งเป็นสาขาต้นแบบของศูนย์การตรวจสุขภาพ และศูนย์ส่งต่อสัตว์เลี้ยงแก่โรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงทั่วไป เน้นเจาะกลุ่มพรีเมี่ยมแมส ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้
และเร็ว ๆ นี้เตรียมเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ที่เพชรเกษม บนพื้นที่ประมาณ 900 ตร.ม. ขณะที่ปี 2568 มีแพลนเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเล็งทำเลย่านถนนพระราม 2 นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแผนการขยายธุรกิจไปในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงเพื่อก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของธุรกิจการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว คาดว่าสิ้นปี 2567 รพ.สัตว์อารักษ์จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ครึ่งปีหลังสำหรับภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงยังคงมองว่าจะมีการเติบโต แต่อาจจะไม่ได้เติบโตสูงเทียบกับเมื่อช่วงโควิด-19 เนื่องด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ทั้งหมดนี้เป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงศักยภาพและความคึกคักของวงการสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่ยังเติบโตและแข่งขันดุเดือดอย่างต่อเนื่อง
16/9/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 16 กันยายน 2567 )