ไมเนอร์ฯ ชี้ท่องเที่ยวไทยคึกคัก อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น สัญญาณดีกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพไหลเข้า ไม่หวั่นเศรษฐกิจถดถอย เชื่อรับมือไหว ยันปัญหาการฟื้นตัวของธุรกิจการบินใหญ่กว่าขาดแคลนแรงงาน เผยมีแผนพัฒนาโรงแรมอีก 70 แห่ง ลงทุนเพิ่มอีก 1-1.5 หมื่นล้านในช่วง 3 ปีข้างหน้า
นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ตลาดการท่องเที่ยวไทยมีความคึกคักอย่างมาก แม้ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่เดินทางเข้ามา
โดยอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น เห็นสัญญาณการเข้ามาของนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยปัจจุบันบางหน่วยธุรกิจของไมเนอร์ฯเริ่มมีผลประกอบการสูงกว่าอดีต เช่น โรงแรมในมัลดีฟส์มีผลประกอบการสูงกว่าปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19
เรามีการกระจายตลาดลูกค้ามากกว่าเดิม ทำให้มีความสามารถปรับอัตราค่าห้องพักได้สูงขึ้น นายวิลเลี่ยมกล่าวและว่า สำหรับประเด็นปัญหาที่ธุรกิจโรงแรมทั่วโลกประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานนั้น ส่วนตัวมองว่ายังไม่รุนแรงเท่าปัญหาการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน
โดยปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินระหว่างประเทศบ้างแล้ว และบริษัทรอคอยอย่างมีความหวังว่าสายการบินในภูมิภาคและสายการบินที่ทำการบินเส้นทางระยะไกล จะเร่งรีบเพิ่มจำนวนเที่ยวบินไทยกับต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเที่ยวบินจากประเทศจีน
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นแล้ว แต่ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับอดีต และเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากในไตรมาส 4 ของปีนี้ ปัญหาสำคัญคือเที่ยวบินเชื่อมไทย-จีนยังน้อย รวมถึงชาวจีนส่วนหนึ่งยังต้องรอทำหนังสือเดินทางอยู่ นายวิลเลี่ยมกล่าว
นายวิลเลี่ยมกล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้น หากเกิดขึ้นจริงเชื่อว่าจะสามารถควบคุมปัญหาได้ เพราะผลพวงของปัญหาอาจกระทบในธุรกิจบางเซ็กเตอร์เท่านั้น และบริษัทอาจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
เช่นเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึงนี้คาดหวังว่าจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย และหวังว่าภาคการท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่อไป
ผมมีความยินดีอย่างมากที่รัฐบาลปรับตัวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างรวดเร็ว แต่ก็น่าเสียดายที่การกระจายวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่ยังคงจำกัดอยู่เฉพาะในเครือข่ายโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเข้ารับการฉีดวัคซีน อาจไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร นายวิลเลี่ยมกล่าว
ด้านนายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนพัฒนาโรงแรม 70 แห่งในอนาคต โดยส่วนใหญ่เป็นรูปแบบการบริหารตามสัญญา ทำให้ใช้เงินลงทุนไม่สูง รวมถึงพิจารณาธุรกิจแฟรนไชส์มากขึ้น (ยกเว้นแบรนด์อนันตรา)
สำหรับรายได้จากธุรกิจโรงแรมในปี 2565 พบว่า คิดเป็นสัดส่วน 75% ของรายได้ทั้งหมดของกลุ่มไมเนอร์ ในปี 2566 นี้ บริษัทวางเป้าหมายมีอัตราการเติบโตของรายได้หลัก ไม่น้อยกว่า 12-15% ต่อปี มีอัตราผลตอบแทนการลงทุนไม่น้อยกว่า 10% และผลกำไรสุทธิที่มาจากการดำเนินงาน ตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่าสองหลัก
โดยตั้งงบฯลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าไว้ที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อลงทุนบริษัทในเครือโดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นการลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมการรับมือโดยการปรับเพิ่มอัตราค่าห้องพัก รวมถึงค่าบริการ เช่น โรงแรมในภูเก็ต ออสเตรเลีย ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาเงินเฟ้อ ค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการปรับโครงสร้างต้นทุนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เราเชื่อว่าในปี 2566 นี้ อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรเราจะเท่ากับหรือมากกว่าในปี 2562
29/1/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 29 มกราคม 2566 )