info@icons.co.th 02 810 8892-6 3.15.10.104

“เซ็นทรัลพัฒนา” เปิดแผน 5 ปี ลงทุน 135,000 ล้าน

Retails News / ข่าวหมวดห้างสรรพสินค้า

“เซ็นทรัลพัฒนา” ย้ำเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาฯไทย มุ่งสู่โมเดลธุรกิจแห่งอนาคต “The Ecosystem for All” เชื่อมโยงทุกภาคส่วน พัฒนาเศรษฐกิจและประเทศ ยกระดับการใช้ชีวิต 360 องศา กางแผนลงทุน 5 ปีต่อเนื่อง 135,000 ล้านบาท ช่วงปี 2566-2570 พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสรวม 5 โครงการ ทยอยเปิดสาขาใหม่ห้างเซ็นทรัล กับรีโนเวตสาขาเดิม

วันที่ 9 มีนาคม 2566 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน แถลงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจ ประกาศพัฒนาโมเดลธุรกิจแห่งอนาคตเป็น “The Ecosystem for All” ด้วยการ Synergy ธุรกิจหลัก ได้แก่ Retail ที่เป็นหัวใจหลักในการสร้างความแข็งแกร่งของระบบทั้งหมด เชื่อมโยงกับธุรกิจที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรม

ตอบโจทย์การใช้ชีวิต 360 องศา

พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนทั้ง Online & Offline ครบทั้ง 360 องศา และขยายไปสู่ธุรกิจ New Assets อื่น ๆ ที่จะสร้างอนาคตแห่งการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า เรามองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all โดยตลอดระยะเวลา 42 ปี เซ็นทรัลพัฒนาไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนา พร้อมยึดมั่นในแนวคิด Centre of Life มาตลอด ซึ่งเราได้ทำให้เกิดขึ้นจริงแล้วทั่วประเทศ

โดยไม่เพียงสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจศูนย์การค้า แต่ยังขยายไปสู่ธุรกิจคอมมิวนิตี้ มอลล์, ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ พร้อมทั้งพัฒนาให้ทุกส่วนเชื่อมโยงถึงกันแบบ Seamless Synergy และยังเชื่อมต่อไปสู่พันธมิตรธุรกิจ ผู้คน ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ดังนั้น เราจึงต้องการสร้าง “วิวัฒนาการ” ให้เกิดขึ้น เดินหน้าสู่โมเดลธุรกิจแห่งอนาคตเป็น “The Ecosystem for All” โดยมีธุรกิจ Retail เป็นแกนหลัก ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1.The 360-Degree Centre of Life : เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ครบทุกองศาทั้ง Offline & Online ทั้ง Shop-Eat-Work-Play-Stay-Live ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง 365 วัน ทุกที่ ทั่วประเทศ โดยภายใน 5 ปี ทราฟฟิกในโครงการของเราจะเพิ่มขึ้นจาก 1.2 ล้านคนเป็น 1.8 ล้านคนต่อวัน หรือคิดเป็นการมาใช้บริการ 657 ล้านครั้งต่อปี

สำหรับในปี 2566 นี้จะมีมิกซ์ยูสที่ครบทุกองค์ประกอบเพิ่มขึ้น ได้แก่ เซ็นทรัล อุบลราชธานี, เซ็นทรัล อยุธยา และเซ็นทรัล ระยอง

กางแผน 5 ปีลงทุน 1.35 แสนล้าน

โดยในแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2566-2570) ลงทุนทุกธุรกิจรวมกว่า 135,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 25,000-30,000 ล้านบาท โดยมีทั้งหมดมากกว่า 200 โครงการ ครอบคลุม 30 เมืองในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ประกอบด้วย ศูนย์การค้า 50 แห่ง, คอมมิวนิตี้มอลล์ 17 แห่ง, ที่อยู่อาศัย 90 แห่ง, โรงแรม 37 แห่ง, อาคารสำนักงาน 13 แห่ง และพื้นที่ใหม่ ๆ Flex Offices อีก 4 แห่ง โดยจะทำให้จำนวนโครงการมิกซ์ยูสเพิ่มขึ้นจาก 18 โครงการในปี 2566 เป็น 25 โครงการในปี 2570

นอกจากนี้ ยังได้วางแผนระยะยาว 5-10 ปีในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส Megaprojects รวม 5 โครงการ ซึ่งจะยกมาตรฐานให้กรุงเทพฯ เทียบเท่ามหานครระดับโลก อย่างนิวยอร์ก, โตเกียว หรือโซล โดยโครงการแรก Dusit Central Park จะทยอยเปิดตัวในปี 2567-2568 รวมถึงอีก 4 โครงการใหญ่ที่แต่ละโครงการมีพื้นที่ GFA กว่า 350,000 ตร.ม. และเงินลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท

2.Total B2B2C Solutions : การเชื่อมโยงการทำธุรกิจของพันธมิตรคู่ค้า สู่การใช้ชีวิตของลูกค้าที่ครบวงจร ด้วยการลงทุนด้าน Digital Transformation & Technology Infrastructure ปีละ 300-500 ล้านบาท โดยได้มีการพัฒนา Data-driven Omnichannel ที่มีประโยชน์กับลูกค้า คู่ค้า และสังคม

3.The Place Making for Sustainable Future : ให้ความสำคัญทั้งด้านคน ด้วยการส่งเสริม Local Wealth โดยใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีพนักงานกว่า 6,500 คน พร้อมผลักดันการจ้างงานใน Ecosystem อีกกว่า 100,000 ตำแหน่ง การเปิดพื้นที่ค้าขายฟรีให้เกษตรกรและ SMEs ทั่วประเทศคิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาทต่อปี และการสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐและ CSR รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทต่อปี รวมไปถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม เดินหน้าตามโรดแมป NET Zero 2050 อาทิ การประหยัดพลังงานไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท, ติดตั้ง Solar Rooftop และขยาย EV Charger Station อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ, การเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมถึงการจัดการขยะและขยาย Recycle Shops ในศูนย์การค้า

สำหรับแผนธุรกิจในส่วนต่าง ๆ ที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับ “The Ecosystem for All” มีดังนี้

เซ็นทรัลพัฒนา กางแผนลงทุน 5 ปี 135,000 ล้านบาท

ธุรกิจศูนย์การค้า โดยมีไฮไลต์สำคัญ ได้แก่

1.การเปิดตัว 4 โครงการใหม่ในปี 2566-2567 : ได้แก่

เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เปิดไตรมาส 4 /2566 งบฯลงทุนกว่า 6,200 ล้านบาท ซึ่งจะพลิกโฉมพื้นที่ย่านราชพฤกษ์ ตอนนี้ยอดจองร้านค้าเกือบเต็ม 100% ตอกย้ำความสำเร็จเช่นเดียวกับที่ เซ็นทรัล อีสต์วิลล์

เซ็นทรัล นครสวรรค์ เปิดไตรมาสแรกปี 2567 งบฯลงทุน 5,800 ล้านบาท

เซ็นทรัลนครปฐม เปิดไตรมาส 2/2567 งบฯลงทุน 8,200 ล้านบาท เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่ยกระดับศักยภาพของภูมิภาค เชื่อมต่อโซนภาคเหนือ และขยายสู่ภาคตะวันตกของประเทศ

โครงการใหม่ล่าสุด เซ็นทรัล กระบี่ งบฯลงทุน 4,500 ล้านบาท เปิดช่วงไตรมาส 4/2567 มิกซ์ยูสเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็น The New Gateway to Southern Paradise ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ประกอบด้วยศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย และโรงแรมซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศ 2.การขยายและรีโนเวตเพื่อสร้างบิ๊ก อิมแพ็ค ได้แก่ เซ็นทรัล พัทยา ที่ได้มีการปรับโฉมโรงแรม Hilton ทำให้มียอดเข้าพักมากกว่าปี 2019 แล้ว และเตรียมรีโนเวตศูนย์การค้า เพิ่มโซนต่าง ๆ ตอบรับการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยจะมีแบรนด์ Bridgeline และ Luxury เพิ่มเติม ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่นิยมสินค้าแบรนด์เนม

ส่วนความสำเร็จของเซ็นทรัล รามอินทรา ที่มีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นเท่าตัว เตรียมเดินหน้าส่วนขยายของเซ็นทรัล เวสต์เกต ที่ทราฟฟิกดีต่อเนื่อง เตรียมขยายพื้นที่ค้าขายเพิ่ม และเพิ่มอาคารจอดรถ และยังมีรีโนเวตอื่น ๆ ที่ตั้งใจทำให้เป็นศูนย์การค้าที่ดีที่สุดของทุกย่าน อีกทั้งยังมีการปรับโฉมเซ็นทรัล อุบลราชธานี เตรียมรับโรงแรม Centara เติมเต็มมิกซ์ยูส, รวมถึงเซ็นทรัล มารีน่า ปิ่นเกล้า แจ้งวัฒนะ เชียงใหม่ ขอนแก่น อีกด้วย

3.เป็น Experiential Place Making ระดับโลก นำโดยเซ็นทรัลเวิลด์ ที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยแบรนด์ระดับโลกเลือกมาเปิดตัวเป็นที่แรก เตรียมมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้แก่ ร้านเบอร์เกอร์ระดับโลก Shake Shack ที่เตรียมเปิดปลายเดือนมีนาคมนี้เป็นสาขาแรกในไทย รวมถึงเซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งเป็น Luxury Mall แห่งเดียวของไทยที่ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เตรียมต้อนรับแบรนด์ลักเซอรี่ระดับโลก

4.เดินหน้า 5 โครงการเมกะมิกซ์ยูสที่แต่ละโครงการใหญ่เทียบเท่าเซ็นทรัลเวิลด์ นำโดยโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (Dusit Central Park) ภายใต้การร่วมทุนกับกลุ่มดุสิตธานี งบฯลงทุนรวม 46,000 ล้านบาท ที่เชื่อมพื้นที่สีเขียวให้เข้ากับชีวิตเมืองได้อย่างลงตัว

เปิดตัวโปรเจ็กต์ใหญ่ March? Thonglor 2,000 ล้าน

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจคอมมิวนิตี้มอลล์ เตรียมเปิดตัวโปรเจ็กต์ใหญ่ March? Thonglor มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท (Soft Launch 26 มี.ค. 66) เป็น Flagship of Community Mall และ New Landmark ที่ใหญ่และครบครันที่สุดใจกลางทองหล่อ จับกลุ่มกำลังซื้อสูง, คนทำงานจาก Office ที่อยู่ภายในโครงการเดียวกัน เป็นฟู้ดเดสติเนชั่นใหญ่ที่สุดในย่าน มีที่จอดรถ 24 ชม. และยังจะพัฒนาโครงการปัจจุบันที่นวมินทร์ ซิตี้ และปรับปรุง 4 แห่งในปีนี้

ส่วนธุรกิจที่อยู่อาศัย ชูกลยุทธ์สำคัญคือ Best Location & Best in Class ในทุกโลเกชั่น อยู่ติดหรือใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล และเริ่มขยายโปรเจ็กต์ที่อยู่ติดโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ด้วย โดยนำจุดแข็งในเรื่องการทำ Synergy กับแบรนด์ชั้นนำ ในเครือ Central Group

สำหรับแผนปี 2566 เตรียมเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 9,000 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียม 3 โครงการ คือ ESCENT เพชรบุรี, บุรีรัมย์ และนครศรีธรรมราช และโครงการแนวราบ 4 โครงการ คือ บ้านนิรติ นครศรีธรรมราช และแบรนด์ใหม่ บ้านนิรดา พระราม 2, อุทยาน และเอกชัย ในเขตกรุงเทพฯ คาดว่าภายในปี 2570 จะครอบคลุม 27 จังหวัด

9/3/2566  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 9 มีนาคม 2566 )

ช่องยูทูปของ iCONS