เมเจอร์ กางแผนอัพเกรดโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ทุกสาขาเป็นระบบเลเซอร์ใน 3 ปี พร้อมปักธงไอแมกซ์เพิ่มอีก 5 สาขา เน้นจังหวัดท่องเที่ยว
วันที่ 25 เมษายน 2566 วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทจับมือกับ IMAX Corporation เพื่อเดินหน้าอัพเกรดระบบการฉายในโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ทุกสาขา ทั้งสาขาเดิมและสาขาที่จะเปิดใหม่ให้เป็นระบบ IMAX with Laser
หลังการทดลอง 3 สาขาแรกคือ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, ไอคอน ซีเนคอนิค และเมกา ซีนีเพล็กซ์ ได้รับผลตอบรับดี สะท้อนจากรายได้ช่วง Avatar : The Way of Water เข้าฉาย ซึ่งโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ทำรายได้รวมคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 16% ด้วยจำนวนโรงภาพยนตร์เพียง 7 โรง และรายได้กว่า 70% ของไอแมกซ์มาจาก 3 สาขาที่อัพเกรดเป็นระบบ IMAX with Laser
กางแผน 3 ปี ครบ 13 สาขา
สำหรับแผนความร่วมมือในอีก 3 ปี หรือปี 2566-2568 จะอัพเกรดระบบการฉายไอแมกซ์จากระบบดิจิทัลเป็นระบบเลเซอร์ อีก 5 สาขา พร้อมทั้งมีแผนการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์แห่งใหม่เพิ่มอีก 5 สาขา ทำให้ภายในปี 2568 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะมีโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ในระบบฉาย IMAX with Laser รวมทั้งสิ้น 13 สาขา
แบ่งเป็นปี 2566 จะอัพเกรดระบบฉาย IMAX with Laser ใน 2 สาขาคือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และควอเทียร์ ซีเนอาร์ต พร้อมเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ ไอแมกซ์ ระบบฉายใหม่ IMAX with Laser ที่เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย ภายในไตรมาส 4
ส่วนปี 2567 จะอัพเกรดระบบฉายใหม่ IMAX with Laser 1 สาขา คือ โรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่
และปี 2568 จะอัพเกรดระบบฉายใหม่ IMAX with Laser 2 สาขา คือ โรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ที่ เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์ และ Aeon Mall Sen Sok City ประเทศกัมพูชา
พร้อมกันนี้มีแผนที่จะขยายสาขาโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ด้วยระบบการฉายใหม่อีก 4 สาขา ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
ความสำเร็จของ Avatar : The Way of Water ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ระบบ IMAX with Laser จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ลูกค้าแห่จองตั๋วชมภาพยนตร์ Avatar : The Way of Water เต็มโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ จนต้องจองตั๋วล่วงหน้ากันข้ามสัปดาห์ต่อเนื่องมากกว่า 1 เดือน สะท้อนถึงศักยภาพของระบบ IMAX with Laser
ยืนยัน Magnet สำคัญ
ขณะเดียวกัน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ฯ ยังย้ำถึงศักยภาพของโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ว่า ในปี 2565 การฉายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์สร้างรายได้ไปกว่า 147 ล้านบาท มากกว่ารายได้ของปี 2562 ซึ่งทำได้ 140 ล้านบาท แม้เป็นปีก่อนการระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนในปี 2566 นี้มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เข้าฉาย เช่น Ant-man and the wasp : Quantumania นั้นรายได้กว่า 13% มาจากโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ เช่นเดียวกับ Shazam! Fury of the gods รายได้กว่า 10% มาจากโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ รวมถึงภาพยนตร์ในตำนานอย่าง TITANIC ที่กลับมาฉายใหม่ในรูปแบบ IMAX with Laser 3D มีสัดส่วนรายได้มากกว่า 50% มาจากโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์
ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันว่าการนำระบบฉาย IMAX with Laser เข้ามาใช้ถือเป็น Magnet สำคัญของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในการดึงดูดผู้ชมให้เข้าชมในโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ เพื่อสัมผัสประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่หาไม่ได้จากการชมภาพยนตร์ที่บ้านหรือที่อื่น ๆ
25/4/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 25 เมษายน 2566 )