ปี 2566 อาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงน้ำขึ้นให้รีบตัก ในช่วงเศรษฐกิจพลิกฟื้นขนานใหญ่
อย่างน้อยที่สุด ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซีวิล เอนจิเนียริ่ง ตุนแบ็กล็อก (ออร์เดอร์รอส่งมอบงาน) มูลค่ารวม 10,324 ล้านบาทไว้ในมือให้อุ่นใจ เดินหน้าเติมตัวเลขให้พอกพูนในปีนี้
ส่งมอบงาน 13 โครงการ
ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL บริษัทรับเหมาก่อสร้างดาวรุ่งอีกรายของไทย สรุปผลงานธุรกิจไตรมาสแรกของปีมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการขยายตัวของการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนที่เติบโตตามเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งซีวิลฯ มีแผนเจาะเข้ารับโครงการขนาดกลาง-ใหญ่ เช่น งานถนน, งานก่อสร้างสนามบิน เป็นต้น
รวมถึงมีนโยบายเชิงรุกในการขยายงานก่อสร้างประเภทใหม่ อาทิ งานระบบชลประทาน, ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน และต่อยอดการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องธุรกิจเดิม เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้
บริษัทได้พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานก่อสร้างอย่างเต็มที่ มีความพร้อมในการรักษาความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนให้อยู่ในระดับเหมาะสม เพิ่มโอกาสการเติบโตโดยเข้ารับงานที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาสามารถส่งมอบงานคุณภาพได้ตามแผนจำนวน 13 งาน อาทิ โครงการก่อสร้างทางหลวงสาย 3901 วงแหวนตะวันตกด้านซ้ายตอน 3, ทางหลวงสาย 3246 บ้านเกาะโพธิ์, ทางหลวงสาย 3701 ชลบุรี-พัทยา และสนามบินตรัง มูลค่ารวม 3,071 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 6,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,032 ล้านบาท จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 5,063 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตของรายได้ 20.4% มีกำไรสุทธิ 64.5 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 192.7 ล้านบาท จากการตีความขอบเขตงานก่อสร้างตามแบบของโครงการในกลุ่มงานรถไฟ ซึ่งเป็นการปรับปรุงต้นทุนงานก่อสร้างเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นแบบครั้งเดียว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/66 ยังคงรักษาอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยซีวิลฯ เตรียมเข้ารับงานประเภทงานก่อสร้างระบบชลประทาน, งานก่อสร้างทางรถไฟ, งานถนน-ทางด่วน และงานก่อสร้างสนามบิน
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน ก้าวสู่การเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างคุณภาพ เรื่องใหม่บริษัทประกาศลุยประมูลงานภาครัฐ
ควบคู่เพิ่มสัดส่วนงานก่อสร้างโครงการภาคเอกชน ร่วมมือพันธมิตรเพิ่มโอกาสทางธุรกิจพลังงานทดแทน ตั้งเป้าผลักดันแบ็กล็อกในมือเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2566 นี้
ล่าสุดที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 14 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 อยู่ที่ 30.5% ของกำไรสุทธิของบริษัทหลังหักสำรองตามกฎหมาย
โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (record date) วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2566
3/5/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 3 พฤษภาคม 2566 )
