พาณิชย์เผยธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงาน กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ อานิสงส์จากเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดีขึ้น 9 เดือน ปี 2566 จัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 166% ภาคใต้บูมสุดมีธุรกิจนิติบุคคล เปิดให้บริการถึง 1,354 ราย คิดเป็น 1 ใน 3 ของธุรกิจนิติบุคคล ทั้งประเทศ
วันที่ 30 ตุลาคม 2566 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทุเลาเบาบางลง สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นตามลำดับ ภาคการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างชัดเจน ผู้บริโภคดำเนินชีวิตและกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการจับจ่ายใช้สอยกันตามปกติ รวมทั้งเริ่มมองหาและขยายที่อยู่อาศัย ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น
นภินทร ศรีสรรพางค์
โดยข้อมูลจากกรมที่ดินพบว่าอสังหาริมทรัพย์อาคารชุดช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2566 มีการโอนขายแล้วกว่า 53,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงาน มีแนวโน้มการจัดตั้งเพิ่มสูงขึ้นเพื่อรับช่วงดูแลและบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรรต่อจากบริษัทผู้พัฒนาโครงการหรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
จากสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า ปี 2563 จดทะเบียนจัดตั้ง 137 ราย ทุนจดทะเบียน 282.57 ล้านบาท ปี 2564 จัดตั้ง 150 ราย (เพิ่มขึ้น 13 ราย หรือร้อยละ 9.49) ทุน 334.50 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 51.93 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 18.38) ปี 2565 จัดตั้ง 300 ราย (เพิ่มขึ้น 150 ราย หรือ ร้อยละ 100) ปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) 553 ราย (เพิ่มขึ้น 345 ราย หรือร้อยละ 165.87 : ม.ค.-ก.ย. 65 จัดตั้ง 208 ราย) ทุน 1,790.48 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1,183.62 ล้านบาท หรือร้อยละ 195.04 : ม.ค.-ก.ย. 65 ทุน 606.86 ล้านบาท)
สอดคล้องกับข้อมูลจำนวนการจดทะเบียนอาคารชุดและออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั่วประเทศของกรมที่ดิน ดังนี้ ปี 2563 จดทะเบียนอาคารชุด 221 ราย อนุญาตจัดสรรที่ดิน 759 ราย ปี 2564 อาคารชุด 151 ราย (ลดลง 70 ราย หรือร้อยละ 31.68) จัดสรรที่ดิน 609 ราย (ลดลง 150 ราย หรือ ร้อยละ 19.77) ปี 2565 อาคารชุด 151 ราย (คงที่) จัดสรรที่ดิน 793 ราย (เพิ่มขึ้น 184 ราย หรือ ร้อยละ 30.21) และ ปี 2566 (ม.ค.-ส.ค.) อาคารชุด 80 ราย จัดสรรที่ดิน 555 ราย
พิจารณาจากรายได้รวมและผลกำไรของธุรกิจ พบว่า ปี 2563 ธุรกิจมีรายได้รวม 17,197.97 ล้านบาท ผลกำไรรวม 1,120.16 ล้านบาท ปี 2564 รายได้รวม 15,375.52 ล้านบาท (ลดลง 1,822.45 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 10.60) ผลกำไรรวม 35.82 ล้านบาท (ลดลง 1,084.34 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 96.81) ปี 2565 รายได้รวม 22,140.62 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6,765.10 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 44.00) ผลกำไรรวม 4,751.38 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4,715.56 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 13,164.60)
การลงทุนในธุรกิจส่วนใหญ่เป็นคนไทย มูลค่าการลงทุน 34,184.03 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 91.32 ของการลงทุนในธุรกิจทั้งหมด ขณะที่การลงทุนจากต่างชาติสูงสุด คือ ฮ่องกง มูลค่า 462.42 ล้านบาท (ร้อยละ 1.24) รองลงมา คือ ญี่ปุ่น มูลค่า 391.70 ล้านบาท (ร้อยละ 1.05) จีน มูลค่า 374.87 ล้านบาท (ร้อยละ 1.00) และอื่น ๆ มูลค่า 2,021.75 ล้านบาท (ร้อยละ 5.39)
ปัจจุบันธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงานที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีจำนวน 3,818 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.44 ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ (885,521 ราย) และมีมูลค่าทุน 37,434.77 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.17 ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย (21.50 ล้านล้านบาท)
ธุรกิจส่วนใหญ่ดำเนินกิจการในรูปแบบบริษัทจำกัด จำนวน 3,676 ราย (ร้อยละ 96.28) และห้างหุ้นส่วนสามัญ/ห้างหุ้นส่วนจำกัด 142 ราย (ร้อยละ 3.72) สถานประกอบการส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภาคใต้ จำนวน 1,354 ราย (ร้อยละ 35.46) รองลงมา คือ กรุงเทพมหานคร 1,188 ราย (ร้อยละ 31.12) ภาคตะวันออก 678 ราย (ร้อยละ 17.76) ภาคกลาง 380 ราย (ร้อยละ 9.95) ภาคเหนือ 108 ราย (ร้อยละ 2.83) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 61 ราย (ร้อยละ 1.60) และภาคตะวันตก 49 ราย (ร้อยละ 1.28) โดยจังหวัดในภูมิภาคที่มีนิติบุคคลคงอยู่สูงสุด คือ สุราษฎร์ธานี 917 ราย
ธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงานเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ ธุรกิจก่อสร้าง และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเมื่อโครงการทำการขายคอนโดมิเนียมหรือบ้านจัดสรรไปยังลูกค้าแล้วจะมีการส่งต่อการดูแลธุรกิจพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดมิเนียมหรือหมู่บ้านจัดสรรให้นิติบุคคล ซึ่งเรียกว่า นิติบุคคลอาคารชุด ตาม พ.ร.บ.อาคารชุด และ นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลาง และอำนวยความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัยภายในอสังหาริมทรัพย์นั้น
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจนี้มีการจัดตั้งเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นผลมาจากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลสำนักงานยังต้องพัฒนาการบริการเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและควรนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินธุรกิจเพื่อลดต้นทุนและสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจต่อไป
30/10/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 30 ตุลาคม 2566 )