info@icons.co.th 02 810 8892-6 3.137.200.139

“จิมทอมป์สัน” กางโรดแมปบุก ปูพรมสาขา-ออนไลน์-โรงแรม

Retails News / ข่าวหมวดห้างสรรพสินค้า

“จิม ทอมป์สัน” เดินหน้าจับมือกับพาร์ตเนอร์ระดับโลก เสริมแกร่งกลุ่มธุรกิจหลัก แฟชั่น-ร้านอาหาร-สินค้าผ้าตกแต่งบ้าน เดินหน้าขยายฐานใหม่ต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแบรนด์แรกจากเอเชีย หลังเปิด “จิม ทอมป์สัน เฮอริเทจควอเตอร์” อาณาจักรไลฟ์สไตล์เต็มรูปแบบ

นายแฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ จิม ทอมป์สัน กล่าวว่า การลงทุนเพื่อเปิดตัว Jim Thompson Heritage Quarter จะเป็นหมุดหมายสำคัญบนเส้นทางสู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแบรนด์แรกของเอเชีย เนื่องจาก จิม ทอมป์สัน เฮอริเทจ ควอเตอร์ โฉมใหม่ ที่ประกอบไปด้วย Jim Thompson House Museum, Museum About the Man, Home Furnishing Exhibition, The Iconic Store, Jim Thompson Art Center

และโซนอาหารและเครื่องดื่มใหม่ล่าสุด ในดีไซน์สุดไอคอนิก ประกอบด้วย ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน, The O.S.S. Bar บาร์สุดฮิป, The O.S.S. Room ห้องชายามบ่าย, Jim’s Terrace คาเฟ่สไตล์ไทย-ทาปาส, Silk Cafe และ Moonlight Hall ห้องจัดอีเวนต์ และถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรที่คนไทยและชาวต่างชาติมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย ทุก ๆ ปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 320,000 คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ และถือเป็นเดสติเนชั่นที่มีความสำคัญในเชิงศิลปวัฒนธรรม ทั้งมอบบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร

ทั้งนี้ จิม ทอมป์สัน มีแผนจะเดินหน้าปั้น “แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแบรนด์แรกจากเอเชีย” ด้วยการนำเสนอมรดกอันทรงคุณค่าจากไทยที่เข้าถึงคนทั่วโลก พร้อมไปกับการคิดค้นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

โดยหนึ่งในกลยุทธ์ คือการคอลแลบส์กับพาร์ตเนอร์ธุรกิจชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น Panpuri Wellness, การบินไทย, ศิลปินร่วมสมัยและดีไซเนอร์ชื่อดังเมืองไทย พร้อมทั้งเตรียมจับมือกับแบรนด์ระดับโลกเพื่อขยายฐานลูกค้าทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จิม ทอมป์สัน ก็ได้มีเปิดสโตร์โฉมใหม่ในเมืองท่องเที่ยวมากมาย อาทิ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น

โดยทิศทางการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจจิม ทอมป์สัน จากนี้ไป ในส่วนของกลุ่มธุรกิจแฟชั่น ก็ได้มีการเตรียมพัฒนาเว็บไซต์แยกสำหรับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในตลาดสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง เพื่อเสริมแกร่งในแง่ของยอดขาย พร้อมจับมือกับ King Power เพื่อเปิดสโตร์ใหม่ในคิง เพาเวอร์ ภูเก็ต และสนามบินดอนเมือง

นอกจากนี้ แบรนด์ยังเตรียมยกระดับประสบการณ์การช็อปปิ้งด้วยการเปิดไลฟ์สไตล์สโตร์ ขนาด 500 ตร.ม. ใหญ่ที่สุดในเมกะโปรเจ็กต์ระดับโลกอย่าง One Bangkok อีกด้วย

ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน มีสโตร์ 25 แห่งในประเทศไทย โดยสินค้ายอดนิยมของแบรนด์ ได้แก่ เสื้อผ้าเรดี้ทูแวร์ ผ้าพันคอ กระเป๋า และเครื่องประดับ เป็นต้น

ขณะเดียวกันในกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร จิม ทอมป์สัน ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดร้าน Jim’s Terrace ที่ One Bangkok ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 รวมทั้งเตรียมขยายสาขา Jim Thompson, A Thai Restaurant x The O.S.S. Bar ในคอนเซ็ปต์ร้านอาหารและบาร์ในภูมิภาคเอเชียเร็ว ๆ นี้ โดยเริ่มต้นคาดว่าอาจจะเปิดในภูเก็ตก่อน

สำหรับกลุ่มธุรกิจสินค้าผ้าตกแต่งบ้านที่ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักของจิม ทอมป์สัน ก็มีแผนเดินหน้าขยายธุรกิจผ้าตกแต่งในเอเชียและตะวันออกกลางเช่นเดียวกัน หลังจากที่ปัจจุบันมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าผ้าตกแต่งอยู่ในกว่า 60 ประเทศ และมีบริษัทในเครือในต่างแดนถึง 2 แห่ง ได้แก่ Jim Thompson US และ Jim Thompson UK รวมถึงในทวีปอเมริกาเหนือ แบรนด์จิม ทอมป์สัน มีโชวรูม 22 แห่ง และในยุโรปมีการจัดจำหน่ายผ้าอยู่ใน 28 ประเทศ เป็นต้น

ส่วนแผนระยะยาว 3-5 ปี และการขยายธุรกิจในอนาคต จิม ทอมป์สัน ได้มีการวางแผนจะสร้างอีก 4 โปรเจ็กต์ใหม่ อาทิ Jim Thompson Hotel เนื่องจากจิม ทอมป์สัน เป็นผู้นำในธุรกิจแฟชั่น และธุรกิจบริการอาหารอยู่แล้ว จึงมองว่าหากเปิดโรงแรมเองจะเป็นการต่อยอดให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี และธุรกิจของใช้ในบ้านภายใต้ชื่อ Maison Jim Thompson ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาและวิจัยตลาด โดยคาดว่าจะได้เห็นในปี 2026

รวมถึง จิม ทอมป์สัน คอนเซ็ปต์สโตร์ เนื่องจากแฟลกชิปสโตร์ที่สุรวงศ์ ที่สร้างในปี 1967 ปัจจุบันเริ่มเก่าแก่ จึงเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ใหม่เป็น “จิม ทอมป์สัน พลัส” ซึ่งก็จะมีความต่างจากแฟลกชิปสโตร์เก่าอย่างสิ้นเชิง โดยจะเริ่มรีโนเวตช่วงปลายปี 2025 และอีกโปรเจ็กต์สำคัญก็คือ TV SERIES ที่จะนำเสนอประวัติชีวิตของจิม ทอมป์สัน ผ่านทาง Netflix ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา จะมีประมาณ 10 ตอน ตอนละ 50 นาที คาดว่าจะได้รับชมกันภายในปี 2025 เป็นต้น

สำหรับงบฯการลงทุนของบริษัทภายใน 3-5 ปีนี้ วางไว้ประมาณ 100-150 ล้านบาท ซึ่งงบฯนี้จะยังไม่รวมการลงทุนสำหรับการสร้างโรงแรม เนื่องจากเป็นการทำร่วมกับพาร์ตเนอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการตอกย้ำการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ชั้นนำจากเอเชีย ที่มอบประสบการณ์สุดพิเศษอันผสานมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยในแบบที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้

23/11/2566  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 23 พฤศจิกายน 2566 )

ช่องยูทูปของ iCONS