RML-บมจ.ไรมอน แลนด์ จัดแกรนด์โอเพนนิ่ง OCC อาคารสำนักงานลักเซอรี่ Grade A+ สูงที่สุดในไทย บนทำเลแรร์ไอเทมเพลินจิต ดึงแบรนด์ F&B และไลฟ์สไตล์ชั้นนำร่วมสร้างประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่มากกว่าเดิม ในฐานะ Lifestyle Destination แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ
วันที่ 24 มกราคม 2567 นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML กล่าวว่า ปี 2567 บริษัทวางทิศทางดำเนินงานภายใต้แนวคิด REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING 4 ด้าน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และมอบประสบการณ์ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่สุดในทุกมิติให้กับลูกค้า ซึ่งยึดโยงปรัชญา Luxury Reimagined ของแบรนด์เป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ
โดยหนึ่งในโครงการไฮไลต์ของปีนี้คือ OCC (One City Centre) อาคารสำนักงานลักเซอรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทย ที่มีสกายวอล์กเชื่อมกับ BTS เพลินจิต โปรเจ็กต์ยักษ์ที่ร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของญี่ปุ่น มูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท ซึ่งเราจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้
ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกและบริษัทชื่อดังในไทยแล้ว 55% คาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานเกินกว่า 70% ในขณะที่มีอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจากร้านค้าพรีเมี่ยมแล้วเกือบเต็ม อยู่ที่ 90% เหลือเพียง 2 ยูนิตเท่านั้น คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจะเต็ม 100% ในปี 2567 นี้แน่นอน
นายกรณ์กล่าวว่า สำหรับบริษัทที่เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่สำนักงาน OCC ล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่รู้จักในไทยจากหลากหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ, โค-เวิร์กกิ้งสเปซ ตลอดจนธุรกิจการเงิน และธุรกิจบริการ ซึ่งบริษัทที่สามารถเปิดเผยชื่อได้แล้ว
เช่น เดอะ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย), แปซิฟิค ไพร์ม คอนซัลแตนท์, คอนสเตลเลชัน นอร์ด (Constellation Nord), ดีแอลเอ ไปเปอร์ (DLA Piper), ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ (BNP Paribas), 10 บริดจ์ (10 Bridge), เวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (Waylar Corporation)
บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มารูเบนิ ประเทศไทย จำกัด, ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) CBRE (Thailand), อมาเดอุส เอเชีย (Amadeus Asia), คอร์ติน่า วอทช์ (Cortina Watch), บริษัท โคคูโย อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท นิฮอน เอ็ม แอนด์ เอ เซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Nihon M&A Center (Thailand) Co., Ltd.)
รวมถึง จัสโค (JustCo) ผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นชั้นนำของเอเชีย ตั้งอยู่บนชั้น 37 ถึง 40 ของอาคาร OCC โดย JustCo ได้เปิดให้บริการตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปี 2566 ที่ผ่านมา โดยมีแผนต่อขยายพื้นที่ในอาคารภายในปี 2567
OCC เป็นมากกว่าที่ทำงาน แต่มีพื้นที่สำหรับแฮงเอาต์ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ชื่อดัง ให้ชาวเพลินจิตได้พักผ่อนหย่อนใจ โดยปัจจุบันมีร้านค้าเปิดให้บริการเกือบเต็มพื้นที่แล้ว และพร้อมเปิดให้บริการในปี 2567
โดยร้านใหม่ล่าสุดที่เปิดให้บริการ ได้แก่ ร้านกรีน แอนด์ บีน (Green & Been) ซึ่งเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย เป็นร้านคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟสุดพิเศษและวัตถุดิบชาเขียวพรีเมี่ยมนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการร่วมสร้างสรรค์โดยผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มชื่อดังก้องโลกคือ เชฟกากั้น อนันต์ (Gaggan Anand) เจ้าของห้องอาหารระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว ที่ครองตำแหน่งอันดับ 1 ของ Asias 50 Best Restaurants ถึงสี่ปีซ้อน
ร่วมกับ เชฟแฝดชาวเยอรมันโธมัสและแมทธิอัส ซูห์ริง (Thomas & Mathias S?hring) ที่โด่งดังจากร้านอาหารเยอรมันที่เคยได้รับดาวมิชลิน และ อนุพงศ์ คุตติกุล (Anupong Kuttikul) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Carnival มัลติแบรนด์ช็อปและแบรนด์เสื้อผ้าสตรีตแวร์สัญชาติไทย
ร้านเอนิชิ (ENISHI) ราเมนที่คนญี่ปุ่นแนะนำ การันตีด้วยมิชลิน บิบ กูร์มองด์ ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทยที่ OCC ในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้, ร้านซูชิ ชิมะโมโตะ (Sushi Shimamoto) ร้านโอมากาเสะชื่อดัง ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย ให้บริการในไตรมาส 2/67 นี้
อีกทั้งยังมีร้านต่าง ๆ มากมายที่เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คือ ดีน แอนด์ เดลูก้า (DEAN & DELUCA) ร้านกาแฟดังที่ถือกำเนิดมาจากอเมริกา, โอ บอง แปง (Au Bon Pain) ร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่ ชื่อดังจากอเมริกา, %อาราบิก้า (%Arabica) คาเฟ่ที่โด่งดังมากในญี่ปุ่น, กาซาน่า (Ksana) คาเฟ่ชาเขียวมัทฉะเข้มข้นชื่อดังจากญี่ปุ่น, แบลคโบบา สเปเชียลตี้ (BLK.BOBA Specialty) ร้านชานมไข่มุกออร์แกนิกชื่อดัง, และลอว์สัน (Lawson) ร้านสะดวกซื้อชื่อดังจากญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ยังมี กินนี่ฟู้ด (Kinnie Food) ฟู้ดคอร์ตในราคาที่จับต้องได้ รองรับพนักงานออฟฟิศย่านเพลินจิต รวมถึงผู้คนทั่วไป ซึ่งมีผู้ใช้บริการจำนวนมากในแต่ละวัน
นอกจากนี้ ยังมีไฮไลต์สำคัญบนชั้น 61 และ 58 บาร์และห้องอาหารหรู ซึ่งจะเปิดให้บริการไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ โดยพัฒนาจากบริษัท อัคร ฮอสพิแทลลิตี้ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอาหารและความบันเทิงอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ผู้สร้างชื่อเสียงวงการอาหารและเครื่องดื่มไทยมากมายอีกด้วย โดยมั่นใจว่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางใหม่ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแน่นอน
สำหรับรายละเอียดแนวคิด REIMAGINING THE PINNACLE OF LIVING 4 ด้าน มีดังนี้
1.SUCCESSOR โดย RML มุ่งสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ผ่านการปิดการขายทุกโครงการ และโควตาลูกค้าชาวต่างชาติเต็มทั้งหมดดังที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต สำหรับโครงการพร้อมอยู่ในปีนี้ 2 โครงการ ได้แก่ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ (The Estelle Phrom Phong) ตั้งเป้าลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ในไตรมาส 1/67 และ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ (Tait Sathorn 12) ตั้งเป้าปิดการขายในครึ่งปีแรก 2567 และตั้งเป้าลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์เต็ม 100% ในไตรมาส 3/67
2.THOUGHT LEADER บริษัทเตรียมเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สำโครงการอัลตราลักเซอรี่บ้านแนวราบ 2 โครงการ รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท ได้แก่ ทำเลสุขุมวิท จำนวน 5 หลัง ราคาเริ่มต้นเฉลี่ย 400 ล้านบาทต่อหลัง มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3/67
และโครงการอัลตราลักเซอรี่แนวราบ บนหาดกมลา ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นวิลล่าสุดหรู พัฒนาเฟสแรกจำนวน 7 หลัง ราคาเริ่มต้นเฉลี่ย 600 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท เปิดขายรอบพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ไตรมาส 4/67
3.CARETAKER ส่งมอบสุดยอดการดูแลลูกค้า เพราะลูกค้าทุกคนคือคนสำคัญ จึงควรได้รับการดูแลอย่างใส่ใจ และมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้เกิดความประทับใจมากที่สุด โดยในปีนี้ RML จะสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าคนสำคัญผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำด้านลักเซอรี่ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในเกือบทุกวงการ เพื่อยืนหยัดเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า
นอกเหนือจากนี้ยังต่อยอดสู่การดูแลสังคม บริษัทยังคงสานต่อการดำเนินงานมูลนิธิเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น (For Better Lives Foundation) ซึ่งก่อตั้งโดย RML เพื่อทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และช่วยเหลือสังคม อีกทั้งยังคงสานต่อวิสัยทัศน์ Sustainable Living โดยโครงการใหม่ ๆ ของ RML ยังมุ่งพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งผลักดันพื้นที่สีเขียวในทุกโครงการ เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับทุกชีวิตควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
4.TASTEMAKER ทาง RML ยังคงจุดยืนเดิมอย่างแข็งแกร่งในด้านการดีไซน์ในระดับเวิลด์คลาส โครงการปัจจุบันและโครงการในอนาคตยังคงความมีดีไซน์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ เพื่อเป็นแลนด์มาร์กของเอเชีย โดยไม่ทิ้งการผสมผสานบริบทของภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมของทำเลที่โครงการเข้าไปตั้งอยู่อย่างลงตัว อีกทั้งยังมอบการบริการที่เหนือระดับจากพาร์ตเนอร์ระดับโลก และ ทีม RML Service เพื่อมอบประสบการณ์ทางด้านการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
RML ยังคงเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการยืนหยัดในการเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดอสังหาฯ ลักเซอรี่และอัลตราลักเซอรี่ของไทย ที่พัฒนาโครงการในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน และเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในเอเชีย
24/1/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 24 มกราคม 2567 )