จากจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้นำพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรรายแรกของไทย ได้แก่ อสังหาฯเพื่อขายหรือธุรกิจที่อยู่อาศัย, อสังหาฯเพื่อการพาณิชย์หรือออฟฟิศบิลดิ้ง โรงแรม ศูนย์การค้า และอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรม ทำโรงงานและคลังสินค้า จากนั้นก็มีการรวมพลังของความครบวงจรมาต่อยอดทางธุรกิจ จนกระทั่งสุกงอมเป็น One Platform Strategy
สเต็ปถัดมา ในปี 2566 FPT-เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ในฐานะค่ายอสังหาริมทรัพย์มหาชนรายแรกของวงการ ที่นำเสนอกลยุทธ์การแข่งขันภายใต้โมเดล Real Estate as a Service Brand เพราะตระหนักว่า โปรดักต์ที่ส่งมอบให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยกับพื้นที่เช่าทั้งในศูนย์การค้า พื้นที่รีเทล ออฟฟิศบิลดิ้ง แวร์เฮาส์ แฟกตอรี่ ต้องถูกเติมเต็มด้วยการบริการหลังการขาย สร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อนำทางให้ FPT เป็นองค์กรธุรกิจที่เติบโตในระยะยาว และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
เรื่องใหม่ในปี 2567 จึงเป็นอีกครั้งที่ FPT ประกาศกลยุทธ์ในการเพิ่มดีกรีโมเดลธุรกิจ Reas Estate as a Service หรือ REaaS เพราะหลังจากส่งมอบโปรดักต์แล้ว ทุกโปรดักต์จะมีการส่งมอบบริการอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญจะต้องสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้รับบริการที่เหนือความคาดหมายอีกด้วย ซึ่งเป็นไปตามโรดแมป FPT Next 2025 (ปี 2566-2568)
นำโดย ธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยบวกจากภาคท่องเที่ยวที่พลิกฟื้นตัวได้รวดเร็ว มาตรการรัฐลดค่าโอน-จดจำนองที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะที่มีปัจจัยกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย หนี้ครัวเรือน และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองระดับโลก
แม้ต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน FPT มั่นใจว่าสามารถสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยแผนกลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่น มีฐานการเงินที่แข็งแกร่ง และมีธุรกิจที่หลากหลาย ทำให้สร้างรายได้อย่างสมดุลจากการขายและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และทำให้มีกระแสรายได้ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้ภายในปี 2570 ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้การขาย 40% รายได้ประจำหรือรีเคอริ่งอินคัม 60%
และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ FPT พร้อมสานต่อภารกิจยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ผ่านการต่อยอดนวัตกรรมการบริการ Real Estate as a Service Brand เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นไปตามโรดแมป FPT Next 2025 โดย Real Estate as a Service แบ่งเป็น 3 มิติ คือ
1.Space-as-a-Service พัฒนาพื้นที่พร้อมการบริการแบบครบครัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้งานทุกกลุ่ม 2.Community-as-a-Service สร้างสรรค์พื้นที่คุณภาพเพื่อผู้คนที่สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน และการเรียนรู้ และ 3.Sustainability-as-a-Service นำเสนอโซลูชั่นด้านความยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ผลงานปี 2566 (1 ตุลาคม 2565-30 กันยายน 2566) ผลประกอบการมีรายได้เติบโต 2.1% จำนวน 16,809 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,852 ล้านบาท มาจากธุรกิจที่อยู่อาศัย (ยอดขาย 12,190 ล้านบาท รับรู้รายได้ 11,004 ล้านบาท) ธุรกิจคลังสินค้า&โลจิสติกส์ พื้นที่เช่ารวม 3.51 ล้าน ตร.ม. อัตราเช่า 86% และธุรกิจคอมเมอร์เชียล จากพื้นที่รีเทลกับออฟฟิศบิลดิ้ง มีอัตราเช่า 93% กับธุรกิจฮอสพิทาลิตี้ อัตราเช่า 72%
ไฮไลต์อยู่ที่แผนธุรกิจในประเทศไทย มี Learning Curve จากเครือข่ายการลงทุนภายใต้กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ที่มีเครือข่ายลงทุนใน 20 ประเทศ 70 เมือง นำมาสู่สูตรสร้างรายได้รีเคอริ่ง 60% กับรายได้โอนกรรมสิทธิ์ 40% ดังกล่าว
เราได้เรียนรู้จากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ทั่วโลก และเรียนรู้จากบริษัทอสังหาฯทั่วโลก เขาเน้นจัดพอร์ตโฟลิโอกันยังไง การบริหารสินทรัพย์ในการใช้และการสร้างรายได้ ถ้ากลับไปดูก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพอร์ตรายได้รีเคอริ่งต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และ FPT ต้องการมีสัดส่วนรายได้สินทรัพย์รีเทล ออฟฟิศ แวร์เฮาส์ถึง 60% อีก 40% เป็นรายได้สินทรัพย์ซื้อมาขายไป นี่คือสัดส่วนที่ธุรกิจทั่วโลกพรูฟมาแล้ว
เสริมแกร่งฟีเจอร์บ้าน-แอปโฮม+
ถัดมา สมบูรณ์ วศินชัชวาล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจที่อยู่อาศัย พอร์ตปัจจุบันพัฒนาสะสม 78 โครงการ มูลค่ารวม 108,700 ล้านบาท อยู่ในเขต กทม.-ปริมณฑล 65 โครงการ 96,500 ล้านบาท ต่างจังหวัด 13 โครงการ 12,200 ล้านบาท
โดยปี 2566 มียอดรับรู้รายได้ 11,004 ล้านบาท ลดลง -5% มียอดขาย 24,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% มาจากบ้านเดี่ยวสัดส่วน 40% บ้านแฝด 36% ทาวน์โฮม 24%
แผนธุรกิจปี 2567 วางแผนเปิดตัว 7 โครงการใหม่ 11,600 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ 13,003 ล้านบาท เติบโต 18% เป้ายอดขาย 23,750 ล้านบาท ลดลง -5% โดยเกลี่ยสัดส่วนใหม่เพิ่มบทบาทให้บ้านเดี่ยว 47% บ้านแฝด 31% และทาวน์โฮม 21% ซึ่งบ้านแฝดกับทาวน์โฮมมีเป้ายอดขายใกล้เคียงเดิมหรือทรงตัว
สำหรับกลยุทธ์ REaaS ในโครงการที่อยู่อาศัย นำเสนอ Space-as-a-Service ประกอบด้วยฟังก์ชั่นในบ้าน อาทิ ไพรเวตพูลวิลล่า, โถงทางเดินขนาดใหญ่, ห้องพระ, พื้นที่อเนกประสงค์, ห้องซัก-ตาก-รีด Community-as-a-Service สร้างประสบการณ์และส่งมอบสังคมที่ดีให้ลูกบ้าน อาทิ ลู่วิ่ง-ทางเดินเพื่อสุขภาพ มีกิจกรรมสอนโยคะ พื้นฐานการช่วยชีวิตหรือ CPR กิจกรรมทำบุญตักบาตรวันสำคัญต่าง ๆ
และ Sustainability-as-a-Service นำเสนอฟีเจอร์บ้านเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ด้วยการติดตั้งฟังก์ชั่นระบบฟอกอากาศเพื่อให้เป็นบ้านลดฝุ่นจิ๋ว ระบายอากาศ ERV ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในบ้านตัวอย่างและคลับเฮาส์ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าให้ส่วนกลาง และอีวีชาร์จเจอร์รองรับเทรนด์แห่งอนาคต
ปีนี้กำลังจะเริ่มมีแอป Home+ เดิมอาจมีแค่แจ้งซ่อม แต่วันนี้ลูกค้าที่วิสิตแอปและลงทะเบียนไว้ สะสมแต้มเอาไว้ซื้อบ้านได้ แจ้งข่าวโปรโมชั่น ยื่นและติดตามเอกสารการกู้เงิน หลังจากเป็นลูกบ้านแล้วสามารถจ่ายค่าส่วนกลางผ่านแอป หมดเวลารับประกันยังสามารถแจ้งซ่อมได้ บริการไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่ใช้ศูนย์การค้าในเครือได้ ลูกค้าแค่รีวิสิตและรีจิสเตอร์ อาจมีที่จอดรถกรณีพิเศษ หรือมีแขกมาเยี่ยมที่บ้าน แค่แจ้งทะเบียนรถ ไม่ต้องแลกบัตรก็เข้ามาในหมู่บ้านได้เลย
จุดขายใหม่ Built-to-Function
และ พีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลดำเนินการปี 2566 ทำได้เกินเป้า มีการเติบโตทุกจุด ปัจจุบันมีพื้นที่เช่า 985 อาคาร พื้นที่รวม 3.51 ล้านตารางเมตร อัตราการเช่า 86.5% สร้างรายได้ 5,712 ล้านบาท และมีการต่อสัญญาเช่าแล้ว 1.2 ล้านตารางเมตร (สัญญาหมดอายุไม่เท่ากัน) แสดงถึงลูกค้ามีความพึงพอใจในระดับสูง
โดยมี 3 คลัสเตอร์หลัก อยู่โซนกรุงเทพฯตอนเหนือ ผู้เช่าหลักมาจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ พื้นที่เช่า 8 แสนตารางเมตร, คลัสเตอร์บางพลี-สมุทรปราการ พื้นที่เช่า 8 แสนตารางเมตร ดีมานด์สูงมีอัตราเช่า 90-100% กับคลัสเตอร์ EEC 1.6 ล้านตารางเมตร
ฐานลูกค้าผู้เช่าหลัก เป็นบริษัทไทยเพียง 22% ที่เหลือเป็นบริษัทข้ามชาติ 78% จากญี่ปุ่น 28% อียู 21% อื่น ๆ 9% จีน ไต้หวัน ฮ่องกง 8% สิงคโปร์ 7% อเมริกา 5% โดยแผนธุรกิจปี 2567 ตั้งเป้ามีอัตราการเช่า 87% เป้ารายได้ค่าเช่า 6,000 ล้านบาท วางแผนลงทุนใหม่ 3,950 ล้านบาท เพิ่มพื้นที่เช่าอีก 2 แสนตารางเมตร โดยทุกอาคารต้องได้รับใบรับรองอาคารเขียว
โมเดล REaaS ค่อนข้างชัดเจน ในส่วนโรงงานมีบริการในรูปแบบ Redy-to-Built สร้างเสร็จพร้อมเช่า ไซซ์ 1,000-20,000 ตารางเมตร, บริการ Built-to-Suit หรือโรงงานสั่งตัด ออกแบบตามความต้องการลูกค้า ใช้เวลาพัฒนาร่วมกัน 10-12 เดือน เรื่องใหม่ปีนี้เตรียมนำเสนอโมเดล Built-to-Function นำจุดเด่น 2 แบบมาตอบโจทย์ให้บริการลูกค้า
จุดพีกอยู่ที่บริการหลังการขาย หลังจากลูกค้าเข้าครอบครองอาคารแล้ว มีแอป FlexFix มีบริการพื้นที่ตั้งแต่ขนาด 50-600 ไร่ ซึ่งทำ REaaS ตั้งแต่เริ่มโครงการด้วยซ้ำไป มีการทำ Asset Enhancement ให้กับแอร์โรสเปซ และทำ Park Enhancement สวนหย่อม ลู่ออกกำลังกาย สนามฟุตซอลภายในโครงการ ขณะที่การดูแลชุมชนโดยรอบ มีการให้ทุนการศึกษา กิจกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ฯลฯ
โดย Country CEO ธนพล ศิริธนชัย สรุปตอนท้ายว่า กลยุทธ์การแข่งขันของ FPT มี 3 เรื่อง 1.บาลานซ์พอร์ตโฟลิโอ รายได้รีเคอริ่ง 60% ที่อยู่อาศัย 40% 2.วินัยการเงิน 3. REaaS การใช้นวัตกรรมบริการ ต่อยอดให้ลูกค้าเกินความคาดหวัง เติมเรื่องที่ 4 ก้าวสู่โหมดยั่งยืน Sustainability สู่การเป็นองค์กร Net Zero ภายในปี 2050
ทั้งหมดนี้เพื่อนำมาสู่ Inspiring Experience Creating Places for Good-สร้างสรรค์พื้นที่ ให้ประสบการณ์ที่ดีคงอยู่
29/1/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 29 มกราคม 2567 )