info@icons.co.th 02 810 8892-6 3.15.237.229

เพอร์เฟคกางแผน “ระมัดระวัง” โฟกัสบ้านแนวราบทำเลเจ้าตลาด-เป้าขาย 2 หมื่นล้าน

Residential News / ข่าวหมวดที่พักอาศัย

โดยมีคีย์คอนเซ็ปต์อยู่ที่แผนธุรกิจของเพอร์เฟค หมายรวมถึง บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กับ บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้

มูลค่าสะสม 1.19 แสนล้านบาท

สรุปแบบกระชับปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายรวม 20,000 ล้านบาท เป้ารับรู้รายได้ 18,000 ล้านบาท มุ่งปรับโครงสร้างการเงินให้แข็งแกร่ง ลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้เหลือ 1 เท่าภายในปีนี้ พร้อมลดหนี้ 11,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี โดยมีรายได้จากโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ธุรกิจโรงแรมเติบโตเทียบเท่าช่วงก่อนเกิดโควิด เน้นพัฒนาสินค้าดีไซน์ใหม่ทั้งบ้านเดี่ยวทาวน์โฮม พร้อมเดินหน้าสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Go Green

ดาต้าเบสที่น่าสนใจ กลุ่มบริษัทเพอร์เฟค ณ สิ้นปีนี้ มียอดสะสม 21,781 หน่วย มูลค่ารวม 119,767 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหน่วยรอขาย (Remaining) 8,146 หน่วย มูลค่า 57,043 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด 39 โครงการ, ทาวน์เฮาส์ 18 โครงการ, 9 คอนโดฯ และ 4 โครงการรีสอร์ตเรซิเดนซ์และรีสอร์ตคอนโดฯ

นโยบายลดหนี้มากกว่าขยายตัว

โดย “วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต” กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ลงลึกรายละเอียดว่า เป้ายอดขาย 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เป้าบ้านแนวราบ 9,750 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,540 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 4,460 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท

ขณะที่ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 18,000 ล้านบาท มาจากบ้านแนวราบ 8,600 ล้านบาท คอนโดฯ 2,380 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 3,770 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท

“ปีนี้กลุ่มบริษัทเพอร์เฟคให้ความสำคัญกับการลดภาระหนี้มากกว่าการขยายตัว ตั้งเป้าลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลงไปอยู่ที่ระดับ 1 เท่าภายในสิ้นปีนี้”

รายละเอียดแผนลดหนี้ แบ่งเป็น ก้อนแรกปี 2567 เป้าลด 7,000 ล้านบาท ภารกิจหลักจากการขายที่ดินฝั่งเพอร์เฟค 2,000 ล้านบาท กับขายการลงทุนในธุรกิจโรงแรมในฝั่งแกรนด์ แอสเสทฯอีก 5,000 ล้านบาท ก้อนที่ 2 เป้าลดหนี้ในปี 2568 ในฝั่งเพอร์เฟคจากการขายที่ดิน 2,000 ล้านบาท และก้อนที่ 3 เป้าปี 2569 ลดหนี้อีก 2,000 ล้านบาท ที่เป็นเงินคืนจากบริษัทร่วมทุน

ทั้งหมดนี้ เมื่อทำได้ตามแผนจะทำให้กลุ่มเพอร์เฟคสามารถลดหนี้รวม 11,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2567-2569)

ฟ้าเปิดธุรกิจโรงแรม-ดีล JV

ในส่วนโครงการร่วมทุน (JV-Joint Venture) ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีการร่วมทุนกับ 3 บริษัทชั้นนำจากต่างประเทศ มูลค่าโครงการรวม 28,120 ล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากโครงการร่วมทุนเติบโตอีก 24%

รายละเอียด 3 บริษัทร่วมทุน ประกอบด้วย 1.กลุ่มฮ่องกงแลนด์ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 13,868 ล้านบาท 2.กลุ่มซูมิโตโม ฟอเรสทรี 3 โครงการ มูลค่าโครงการ 10,652 ล้านบาท 3.กลุ่มเซกิซุย เคมิคอลส์ 5 โครงการ มูลค่า 3,600 ล้านบาท

สถิติรายได้จากโครงการ JV เริ่มนับในปี 2563 จำนวน 600 ล้านบาท, ปี 2564 จำนวน 834 ล้านบาท, ปี 2565 จำนวน 2,715 ล้านบาท, ปี 2566 จำนวน 3,031 ล้านบาท แผนธุรกิจปี 2567 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 3,770 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจโรงแรมปี 2566 สร้างรายได้เพิ่มจากปี 2565 ถึง 54% รับปัจจัยบวกหลักจากสถานการณ์โควิดกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้ภาคท่องเที่ยวมีการพลิกฟื้นอย่างรวดเร็ว มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงงานประชุมต่างชาติ

โดยโรงแรมทั้ง 5 แห่งของแกรนด์ แอสเสทฯ มีอัตราเข้าพักและราคาเฉลี่ยต่อห้องสูงขึ้นอย่างชัดเจน สามารถสร้างกำไรจากการบริหารงานได้สูงกว่าปี 2565 อยู่ที่ 152% จุดสังเกตอยู่ที่กำไรมากกว่ายุคก่อนโควิดในปี 2562 ถึง 10%

โดยสถิติรายได้ธุรกิจโรงแรมปี 2562 จำนวน 2,799 ล้านบาท, ปี 2563 จำนวน 884 ล้านบาท, ปี 2564 จำนวน 488 ล้านบาท, ปี 2565 จำนวน 1,735 ล้านบาท, ปี 2566 จำนวน 2,665 ล้านบาท

แผนธุรกิจปี 2567 ตั้งเป้ารายได้ 3,250 ล้านบาท เติบโต 22% กำไรขั้นต้นเติบโต 36% จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

เป้ารายได้บ้านแนวราบ 67%

จากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังมีปัจจัยกดดันมากมาย ถึงแม้จะมีปัจจัยบวกผสมโรงอยู่บ้างก็ตาม “วสันต์ ศรีรัตนพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ธีมการทำธุรกิจมีคำเพียงคำเดียว คือ ระมัดระวัง

นำมาสู่รายละเอียดแผนพัฒนาโครงการมีจำนวน 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 5 โครงการ มูลค่า 6,290 ล้านบาท ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,410 ล้านบาท จุดโฟกัสต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลาง-บน

ตัวเลขสำคัญมีเรื่องการวางเป้าขาย 14,000 ล้านบาท มาจากสามส่วนหลัก แบ่งเป็น ยอดขายบ้านแนวราบ 9,000 ล้านบาท คอนโดฯ 2,000 ล้านบาท และดีล JV 3,000 ล้านบาท เมื่อเอกซเรย์ลึกลงไปอีก แบ่งยอดขายมาจากเซ็กเมนต์กลาง-บน 6,000 ล้านบาท สัดส่วน 43%, เซ็กเมนต์ลักเซอรี่ 4,500 ล้านบาท 32% และเซ็กเมนต์ลูกค้าซื้อเป็นบ้านหลังแรกหรือ First Home 1,500 ล้านบาท สัดส่วน 11% โดยปีนี้คาดหวังยอดขายจากคอนโดฯ ที่เพิ่งเปิดตัว 1 โครงการเมื่่อปลายปีที่แล้ว จำนวน 2,000 ล้านบาท สัดส่วน 14%

แผนธุรกิจรวมถึงตั้งเป้ารายได้ 12,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ 8,000 ล้านบาท คาดหวังรายได้จากโครงการบ้านแนวราบ สัดส่วน 67% รองลงมาเป็นเป้ารายได้ดีล JV 2,200 ล้านบาท 18% และรายได้คอนโดฯ 1,800 ล้านบาท สัดส่วน 15%

โครงการไฮไลต์ ได้แก่ “เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์” ซึ่งเป็นการกลับมาสานต่อความสำเร็จของแบรนด์เพอร์เฟค เพลส ในโซนกรุงเทพฯตะวันตก ทำเลที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและได้รับการตอบรับอย่างดีมากว่า 20 ปี, แบรนด์ “วาวิล่า” โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นจับกลุ่มลักเซอรี่เพิ่มเติมในทำเลกรุงเทพกรีฑา

นอกจากนี้ มีการขยายโครงการในทำเลใหม่ ได้แก่ “โมดิ วิลล่า สถานีคูคต” เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่มีศักยภาพการเติบโตสูง บริษัทยังเน้นการพัฒนารูปแบบสินค้าทั้งบ้านเดี่ยวในโครงการเพอร์เฟค เพลส และเพอร์เฟค พาร์ค ที่ปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ เพิ่มฟังก์ชั่นและขยายพื้นที่ใช้สอย

รวมถึงการกลับมารุกตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นอีกครั้ง ผ่านแบรนด์ “เดอะ เมทโทร” ทาวน์โฮมที่ปรับโฉมใหม่ให้สวยงามเรียบง่ายในสไตล์มินิมอลลิสต์

ต่อยอด Go Green 4 แกนหลัก

เทรนด์อสังหาฯภาคบังคับใน พ.ศ.นี้ยังรวมถึงหลักการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเพอร์เฟคประกาศนโยบายเดินหน้าสู่ความยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Go Green” ผ่าน 4 แกนหลัก ดังนี้

1.Clean Energy การใช้พลังงานสะอาดทั้งในระดับโครงการและในบ้าน มีการติดตั้งโซลาร์รูฟบนอาคารสโมสร สำนักงานขาย และบ้านในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ และเลค เลเจ้นด์, ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV Charger สำหรับบ้านเดี่ยวสร้างใหม่ในโครงการ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ, เลค เลเจ้นด์ และวาวิล่า และติดตั้งระบบรองรับการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Ready) สำหรับบ้านเดี่ยวโครงการเพอร์เฟค เพลส, เพอร์เฟค พาร์ค และโมดิ วิลล่า

2.Water Saving การพัฒนาโครงการที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่ให้มีความโดดเด่น ควบคู่ไปกับการดูแลแหล่งน้ำและทะเลสาบภายในโครงการอย่างดี ทั้งการจัดการคุณภาพน้ำและหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ประโยชน์

3.Materials & Process การให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบให้ลดการใช้พลังงาน และเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้บริษัทมีส่วนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

และ 4.Good Health & Well-Being ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย โดยปีนี้จะเปิดคลับเฮาส์ขนาดใหญ่รูปแบบใหม่ในทำเลกรุงเทพกรีฑา เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัยในโครงการ

4/3/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 4 มีนาคม 2567 )

ช่องยูทูปของ iCONS