info@icons.co.th 02 810 8892-6 18.223.171.83

“สวาทยานนท์” ผนึกพันธมิตรพัฒนาโครงการภายใต้ชื่อ “เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์” ผุด 7 โครงการ 3.7 พันลบ.

Residential News / ข่าวหมวดที่พักอาศัย

กลุ่ม “สวาทยานนท์” ผนึกพันธมิตรตั้ง “เพลินพัฒน์ แอสเสท” พัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ “เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์” ผุด 7 โครงการแนวราบในพื้นที่ กทม.-หัวเมืองท่องเที่ยว มูลค่า 3,734 ล้านบาท กางโรดแมป 5 ปี พอร์ตรวมทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้กวาดยอดขายรวม 1,400-1,500 ล้านบาท และยอดโอน 900 ล้านบาท

วันที่ 26 มีนาคม 2567 นายพงศ์ศักดิ์ สวาทยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัท เพลินพัฒน์ มีการดำเนินธุรกิจมา 5 ปี (2562-2567) แต่ตนมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี อย่างเมื่อ 30 ปีที่แล้วได้ทำโครงการ “มหาทุนพลาซ่า” และต่อมาก็เป็น “อาคารไทยซีซี” และโครงการอื่น ๆ ในเครือสวาทยานนท์ เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ใช่คนนอกวงการเสียทีเดียว

ประจวบเหมาะกับเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้มีโอกาสร่วมงานกับคุณณัฐพล ปิติเจริญทรัพย์ จับมือเปิดบริษัท เพลินพัฒน์ ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยตนถือหุ้นในสัดส่วน 51% และอีก 49% เป็นการถือหุ้นโดยพันธมิตรอีก 2-3 กลุ่ม โดยการพัฒนาแต่ละโครงการจะตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาพัฒนา ภายใต้แบรนด์ “Maison Development” (เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์) ซึ่งการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 5-6 ปี ก็ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี”

โดยการร่วมทุนในครั้งนั้นมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการพัฒนาแนวราบ ระดับราคา 2-5 ล้านบาทเป็นหลัก ในทำเลในกรุงเทพฯโซนเหนือ-ตะวันออก-ตะวันตก จ.สมุทรปราการ และ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พัฒนามาแล้ว 6 โครงการ รวมมูลค่า 2,325 ล้านบาท โดยปิดการขายไปแล้ว 3 โครงการ มูลค่า 1,132 ล้านบาท ส่วนอีก 3 โครงการอยู่ระหว่างการเปิดขาย มูลค่า 1,193 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ทั้งหมดภายในปี 2567

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัท ในปี 2567 จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 7 โครงการ รวมมูลค่า 3,734 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ, ศรีราชา (ชลบุรี) และภูเก็ต โดยในปีนี้ บริษัทได้มีการปรับแผนรุกพัฒนาบ้านระดับลักเซอรี่ ราคาตั้งแต่ 7-20 ล้านบาท จำนวน 6 โครงการ แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 5 โครงการ และภูเก็ต 1 โครงการ โดยมีที่ดินรองรับทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งเป้ายอดขาย 1,400-1,500 ล้านบาท และยอดโอน 900 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มียอดโอน 700 ล้านบาท

นายพงศ์ศักดิ์กล่าวว่า “ถึงแม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2567 จะเป็นปีที่ท้าทาย โดยบ้านระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ยังมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นเซ็กเมนต์ที่มียอดรีเจ็กต์สูง และหนี้เสียที่เพิ่มมากขึ้น เพราะสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ

ในส่วนของบริษัทแม้จะพัฒนาบ้านในระดับราคา 2-5 ล้านบาท แต่ด้วยศักยภาพของทำเลที่ดินที่พัฒนา ทำให้มียอดขายและยอดโอนที่ดี ซึ่งเป็นการเปิดขายในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ทำให้ไม่ประสบปัญหาในเรื่องยอดรีเจ็กต์มากนัก ยิ่งหลังวิกฤตโควิด-19 ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบก็มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้มียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง”

โดยนายพงศ์ศักดิ์ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์และค่านิยมของบริษัทเพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จในอนาคตว่า “ในการดำเนินงานของบริษัทให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก ตั้งแต่การเลือกทำเลศักยภาพในการพัฒนาโครงการ พัฒนาคุณภาพการอยู่อาศัยและสังคมที่ดี สร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับลูกบ้าน อาทิ จัดงานทำบุญตักบาตรเพื่อให้ลูกบ้านได้พบปะพูดคุยกัน เป็นต้น

ส่วนเรื่องค่านิยมของบริษัท ได้ให้ความสำคัญกับ Customer Centric, Strategic Locations and Qualities และ Innovation and Technology เช่น การตอบสนองผู้บริโภคหรือแม้กระทั่งเทรนด์สมาร์ทโฮมต่าง ๆ เราก็ได้มีการนำมาใช้ภายในโครงการด้วยเช่นกัน”

“เราอาจจะไม่ใช่ผู้นำ แต่เราก็จะเป็นผู้ตามที่ว่องไว เราไม่เน้นการเติบโตที่ไม่มีเหตุและผล ถ้าหากจังหวะเศรษฐกิจไม่ดี ทีมงานยังไม่พร้อมเราก็จะชะลอไปก่อน จะเน้นการเติบโตแบบมาราธอน ไม่เน้นการเติบโตที่พุ่งอย่างรวดเร็วและท้ายที่สุดไปต่อไม่ได้” นายพงศ์ศักดิ์กล่าว

“ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 5 ปีนี้ จะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ ระดับราคา 3-20 ล้านบาทเป็นหลัก ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในและต่างจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ต ซึ่งยังมีที่ดินย่านหาดในทอน สะสมเหลืออยู่อีกหลาย 10 ไร่ โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะทำให้บริษัทมีพอร์ตรวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท และในอนาคตก็สนใจที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย ส่วนจะเป็นตลาดไหนต้องขอใช้ระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลก่อน” นายพงศ์ศักดิ์กล่าว

26/3/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 26 มีนาคม 2567 )

ช่องยูทูปของ iCONS