เคาะฤกษ์เปิดบริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 กันยายน 2567 นี้แล้วสำหรับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ (Dusit Thani Bangkok) โรงแรมเรือธงระดับตำนานของ ดุสิตธานี ที่จะกลับมาเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ด้วยจำนวนห้องพัก 257 ห้อง หลังจากประกาศปิดตัวเพื่อปรับโฉมครั้งใหญ่ไปเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561
โดยบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้ต่อสัญญาเช่าที่ดิน (ที่เดิม) กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เมื่อต้นปี 2561 เป็นเวลา 30 ปี และได้สิทธิในการเช่าที่ดินต่อเนื่องอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี
การกลับมาอีกครั้งในปีนี้จึงเป็นตอกย้ำความเป็นโรงแรมเรือธงของกลุ่มดุสิตธานี และในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (Dusit Central Park) โครงการมิกซ์ยูสที่มีมูลค่าการลงทุนถึง 4.6 หมื่นล้านบาท แลนด์มาร์ค แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างกลุ่มดุสิตธานี 70% และบมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN 30%
ประชาชาติธุรกิจ ได้รวบรวม 8 สิ่งที่เป็นไฮไลต์ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ไว้ดังนี้
อาคารสีทองโดดเด่นความสูง 39 ชั้น (จากเดิม 22 ชั้น) มีห้องพักสุดหรู ตั้งแต่ห้องดีลักซ์ จนถึงห้องสวีท รวมจำนวน 257 ห้อง (จากเดิม 517 ห้อง) ทุกห้องได้รับการออกแบบให้สามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินี และนำความทรงจำของโรงแรมดุสิตธานีเดิมมาไว้ในโฉมใหม่ด้วย อาทิ น้ำตกตรงทางเข้าล็อบบี้ ภาพวาด เสาศิลปากร เครื่องเบญจรงค์
ห้องพักใหญ่ เริ่มต้นที่ 50 ตารางเมตร เน้นความเรียบหรู โอ่อ่า กว้างขวาง ผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ของความเป็นไทยกับความสากลทันสมัยที่ตอบโจทย์การใช้งานของนักเดินทางในยุคใหม่
โครงสร้างอาคารเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นสะดุดตา และมีการจัดการวางผังพื้นที่ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันอย่างลงตัวและมีระดับ โดยการสร้างสรรค์ของบริษัทสถาปนิกชั้นนำ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัทสถาปนิก 49 (A49) หนึ่งในบริษัทสถาปนิกที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของประเทศไทย และ OMA Asia Hong Kong Limited สาขาของบริษัทสถาปนิกชั้นนำระดับโลก OMA (Office for Metropolitan Architecture) ที่โด่งดังในการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง
ใช้ประวัติศาสตร์แห่งงานบริการกว่า 75 ปี ของโรงแรมมาร้อยเรียงเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ให้ได้มาซึ่งสถาปัตยกรรมอันงดงามร่วมสมัย แต่ยังคงมีเรื่องราวล้ำค่าที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน เพื่อแปลงพื้นที่เดิมแห่งนี้ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก
ห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นความร่มรื่นของสวนลุมพินีได้อย่างเต็มตาผ่านช่องหน้าต่างที่เป็นกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน พร้อมโซฟาหรูริมหน้าต่าง ให้ลูกค้าได้พักผ่อนชื่นชมธรรมชาติอันแสนสงบจากภายในห้องพักที่หรูหราทันสมัยได้อย่างลงตัว
พื้นที่จัดเลี้ยงและจัดประชุมขนาดใหญ่รวมกว่า 5,000 ตารางเมตร และหนึ่งในนั้นคือ ห้องแกรนด์บอลรูมที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ รองรับการจัดเลี้ยงในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบส่วนตัวไปจนถึงงานเลี้ยงขนาดใหญ่ในระดับ 1,000 คน เพดานสูงจากพื้นกว่า 8 เมตร สามารถมองเห็นวิวของสวนลุมพินี เหมาะสมกับการจัดงานทุกประเภท
คงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ระดับตำนาน โดยยังคงมียอดแหลมสีทองประดับไว้บนยอดอาคารใหม่ มองเห็นเด่นแต่ไกล โดยยอดแหลมสีทองนี้เป็นงานหัตถกรรมทำมือทั้งชิ้น ประกอบขึ้นจากไม้สักทอง เป็นผลงานของศิลปินท้องถิ่นชาวไทยผู้มากความสามารถ เหมือนเป็นจุดเชื่อมอย่างไร้รอยต่อแห่งยุคสมัย เป็นตัวแทนของการเปลี่ยนผ่านที่มองไปข้างหน้า แต่ยังคงไม่ลืมรากเหง้าและมรดกที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน โดยยอดเสาเก่า จะถูกวางครอบด้วยยอดเสาทองใหม่ที่ใหญ่และสวยงามกว่าเดิม
เติมนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ สร้างความตื่นเต้น และความพึงพอใจให้กับแขกที่เข้าพัก และนักเดินทางรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นต้นแบบสำหรับบริการและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นให้กับโรงแรมและรีสอร์ตในเครือดุสิตทั่วโลก... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/tourism/news-1549931
24/4/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 21 เมษายน 2567 )