แม็คกรุ๊ป ท็อปฟอร์ม งวด 9 เดือน ปีบัญชี 67 ทำกำไร 577 ล้าน พุ่งเฉียด 10% พร้อมกางแผนโค้งท้ายก่อนปิดปีบัญชี 67 รุกขยาย Mc Outlet ให้ครบ 150 สาขา พร้อมเดินหน้า Collaboration เพิ่ม 1 แบรนด์ เพื่อหวังขยายฐานสมาชิก โดยคาดยอดขายแตะ 4,000 ล้าน
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีกประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ แม็คยีนส์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปีบัญชี 2567 (1 ม.ค.-31 มี.ค. 67) ว่า มีรายได้จากการขายสินค้า 995 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 163 ล้านบาท
โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากช่องทางร้านค้าของตัวเอง และ e-Commerce เป็นหลัก โดยแม็คกรุ๊ปมีรายได้จากช่องทางขาย แบ่งเป็นร้านค้าปลีกของตนเอง 693 ล้านบาท เติบโต 11.0% จากร้านค้าทั้งหมด 412 ร้านค้า หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 70%, ห้างสรรพสินค้า 187 ล้านบาท ลดลง 12.9% จากช่องทางจำหน่าย 133 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 19%, e-Commerce 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 9% และ 2% ที่เหลือเป็นรายได้จากอื่น ๆ
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ผลการดำเนินงานช่วงงวด 9 เดือน ปีบัญชี 2567 (1 ก.ค. 66-31 มี.ค. 67) มีรายได้จากการขายสินค้ารวม 3,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 346 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ หลัก ๆ มาจากปัจจัยในเรื่องของกำลังซื้อที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ จากการที่บริษัทได้มีการวางกลยุทธ์การทำธุรกิจที่ชัดเจน ทั้งการขยายช่องทางการขายต่อเนื่อง การควบคุมค่าใช้จ่ายแบบ 360 องศาการจับมือกับพันธมิตรในการทำธุรกิจและการนำเสนอคอลเล็กชั่นใหม่
รวมถึงปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการปรับลดค่าไฟ ลดราคาน้ำมันดีเซล การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวหลังจากการเปิดประเทศ จึงเป็นผลทำให้ยอดขายของบริษัท รวมไปถึงการเปิดช่องทางการขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในช่วงโค้งท้ายก่อนปิดปีบัญชี 2567 บริษัทจะยังคงเดินหน้าเพิ่มช่องทางการขายต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่องทางที่เป็น Mc Outlet ร้านค้าที่เปิดในสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งวางเป้าเปิดให้ครบ 150 สาขา จากปัจจุบันมีร้านค้าปลีกของตนเองอยู่ทั้งหมด 569 สาขา แบ่งเป็น Shop 292, Mc Outlet 140, Chain 79, Local 52 และ Mobile Truck 6
นอกจากนี้ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ จะมีการทำ Collaboration เพิ่มอีก 1 แบรนด์ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น จากปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่เป็นสมาชิกอยู่ประมาณ 1.7 ล้านคน โดยจากแผนการดำเนินงานดังกล่าวคาดว่าบริษัทจะมียอดขายแตะ 4,000 ล้านบาท จากปีบัญชี 2566 มียอดขาย 3,600 ล้านบาท
ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงปีบัญชี 2568 (1 ก.ค. 67-30 มิ.ย. 68) บริษัทได้วางงบฯลงทุนไว้ประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับการเปิดสาขาใหม่ การรีโนเวตสาขา และการพัฒนาระบบไอทีรวมถึงระบบหลังบ้านให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะมีการทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านการใช้ Sport Marketing ด้วยการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ในกลุ่มทีมฟุตบอลไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่าฐานกลุ่มที่เป็นแฟนคลับทีมฟุตบอลต่าง ๆ ของไทย มีคนติดตามอยู่เยอะมาก ไม่ต่ำกว่า 1 แสนรายจึงถือเป็นอีกกลุ่มทาร์เก็ตหนึ่งที่บริษัทต้องการที่จะเจาะเข้าไปทำตลาด เพื่อเป็นช่องทางในการดึงคนกลุ่มนี้ให้เข้ามาเป็นสมาชิกของแม็คยีนส์ให้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาอยู่
นอกจากนี้ อีกหนึ่งแนวทางสร้างแบรนด์ให้ตรงใจกลุ่มลูกค้า บริษัทก็จะมีการนำเทคโนโลยีมาเก็บดาต้าของลูกค้าและพฤติกรรมในการใช้จ่าย รวมถึงช่องทางทำตลาด เพื่อทำให้สามารถนำเสนอสินค้าตอบโจทย์ตลาดมากที่สุด โดยเฉพาะสินค้ารุ่นใหม่ที่มีการเปิดตัว
ทั้งนี้ จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวคาดว่าจะสร้างการเติบโตในระดับเลขสองหลัก โดยตั้งเป้าปิดปีบัญชี 2568 ยอดขายแตะ 4,500-4,800 ล้านบาท และในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะทำยอดขายทะลุ 7,000-8,000 ล้านบาท หรือมีกำไรประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย มองว่ายังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น ที่ปัจจุบันมีหลากหลายแบรนด์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาทำตลาด จนทำให้ตลาดมีการแข่งขันที่ดุเดือด แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยจุดแข็งของแบรนด์ แม็คยีนส์ ไม่ว่าจะทั้งด้านคุณภาพ ราคาที่จับต้องง่าย จุดขายที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ และกลยุทธ์ของบริษัท จะส่งผลให้สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแน่นอน
31/5/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 31 พฤษภาคม 2567 )
