info@icons.co.th 02 810 8892-6 3.145.12.156

“แสนสิริ” โตสวนกระแสเศรษฐกิจ ลงทุนคอนโดฯ 2.6 หมื่นล้าน

Residential News / ข่าวหมวดที่พักอาศัย

แสนสิริเปิดแผนลงทุนคอนโดฯ 2.6 หมื่นล้านบาท มากสุดในวงการอสังหาฯ ปีมังกร ชู 8 กลยุทธ์รับมือได้ทุกโอกาส และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เจาะครบทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ลูกค้า Affordable จนถึงซูเปอร์ลักเซอรี่ ราคาขายต่ำแสน-1 ล้าน/ตร.ม. ขานรับมาตรการรัฐเพิ่มพอร์ตคอนโดฯ BOI โหนกระแส Pet Parent ส่งคอนโดฯเลี้ยงสัตว์ได้ทั่วไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผ่านมาครึ่งทางของปี 2567 เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าค่ายแสนสิริประกาศแผนลงทุนคอนโดมิเนียมมากที่สุดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ด้วยจำนวน 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านบาท เทียบกับอันดับ 2 ค่ายออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ลงทุนใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท และอันดับ 3 ค่ายเอพี ไทยแลนด์ ที่วางแผนลงทุนใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 12,500 ล้านบาท

น่าสนใจว่าแสนสิริเดินหน้าลงทุนใหม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวต่อเนื่อง ทำให้มีการแข่งขันรุนแรงเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อผู้บริโภคอสังหาฯ โดยมีคาถาการทำธุรกิจผ่าน 8 กลยุทธ์ ที่ตกผลึกมาจากประสบการณ์สะสม 40 ปี ทำให้ผู้บริหารมั่นใจว่าสามารถรับมือได้ ทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจทุกรูปแบบ

พอร์ตคอนโดฯสะสม 2.9 แสนล้าน

นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้แสนสิริครบรอบก่อตั้งปีที่ 40 ทำให้เป็นองค์กรที่ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจทุกรูปแบบ และสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง

องอาจ สุวรรณกุล

โดยบทพิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำในปีนี้ สะท้อนผ่านแผนลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่มากที่สุดในวงการที่อยู่อาศัย จำนวน 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 44% เทียบกับปีที่ผ่านมา

สำหรับพอร์ตคอนโดฯ สะสมพัฒนาแล้วเกือบ 200 โครงการ มูลค่ารวม 290,000 ล้านบาท มีการส่งมอบห้องชุดสะสม 81,000 ยูนิต นำเสนอแบรนด์คอนโดฯ 20 แบรนด์ ครบทุกเซ็กเมนต์และครบทุกโปรดักต์แนวสูง

ถัดมาบริษัทตั้งเป้ายอดขาย หรือพรีเซลคอนโดฯ 21,000 ล้านบาท และเป้ายอดโอน หรือยอดรับรู้รายได้ที่ 13,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าสามารถทำได้แน่นอน เพราะปีนี้มีพอร์ตโครงการเปิดขายและพร้อมโอน 14 โครงการ มูลค่ารวม 15,700 ล้านบาท

“โครงการแฟลกชิปแห่งแรกของแสนสิริคือบ้านไข่มุก ที่หัวหิน เป็นคอนโดฯติดชายหาด ปัจจุบันราคาเปลี่ยนมือขยับขึ้นไปถึง 1,000% เหตุผลหลักมาจากการดูแลด้านบริการหลังการขายที่ดี ทำให้บ้านไข่มุกยังมีแคปิตอลเกนที่ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับอีกหลากหลายโครงการของบริษัท”

ผนึกผู้รับเหมาเหนียวแน่น

น่าสนใจว่าความมั่นใจของแสนสิริที่ทำให้กล้าลงทุนถึง 26,000 ล้านบาทในปีนี้มีที่มาอย่างไร นายองอาจกล่าวว่า คีย์สำคัญยังเป็นโมเดลธุรกิจเลือกเฟ้นทำเลลงทุนที่เป็น Strategic Location รวมทั้งมี Strategic Partners หรือพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่ง

โดยเฉพาะผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้รับเหมาที่สร้างคอนโดฯให้แสนสิริเกิน 10 ปี บางรายเกิน 20 ปี เป็นปัจจัยที่ทำให้แสนสิริยืนหนึ่งในตลาดคอนโดฯ เพราะมีผู้รับเหมาที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพก่อสร้างระดับสูงในตลาด เพื่อให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานแสนสิริ

8 กลยุทธ์รับมือปัจจัยเสี่ยง

นอกจากนี้ แสนสิริมีกลยุทธ์ 8 ด้านในการลงทุนคอนโดฯ เพื่อเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ดังนี้

1.สานต่อสินค้าซูเปอร์ลักเซอรี่ ล่าสุดมี Talk of the Town โครงการบนทำเลชิดลม แม้ยังไม่เปิดพรีเซล อยู่ในช่วงกำลังพัฒนาแบบและขออนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แต่ก็มีลูกค้าที่มีลอยัลตี้กับแบรนด์แสนสิริทำสัญญาจองซื้อเพนต์เฮาส์ยูนิตพิเศษที่มีฟังก์ชั่นสระว่ายน้ำด้วย มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการซื้อบนกระดาษโดยที่ยังไม่เห็นห้องตัวอย่าง

2.การขยายคอนโดฯในต่างจังหวัด ทั้งหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวจำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน อีอีซี (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) และขอนแก่น จุดโฟกัสมีแฟกเตอร์ดีมานด์จากการเติบโตภาคท่องเที่ยว การค้าขาย ใกล้สถานศึกษา และแหล่งงาน รวมทั้งกำลังซื้อที่มีศักยภาพของคนท้องถิ่น

ไฮไลต์เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Canvas เชิงทะเล” มูลค่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นโซน New CBD ของภูเก็ตที่มีดีมานด์ซื้อจากลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวยุโรปที่มีพฤติกรรมพักแบบลองสเตย์

3.ปักหมุดสร้างคอนโดฯบนสุดยอดทำเลในเมืองของกรุงเทพฯ ที่มีดีมานด์แต่ไม่มีซัพพลายมาเติม เพราะมีข้อจำกัดที่ดินเปล่าในทำเลไม่มีเหลือแล้ว โดยนำเสนอผ่านแบรนด์ “Via” 3 ทำเลรวด ย่านสุขุมวิท ที่สุขุมวิท 34, สุขุมวิท 61 มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท กับอีก 1 โครงการใหม่ถอดด้ามบนทำเลสุขุมวิท 36 ตรงข้ามซอยทองหล่อ

บุก Pets Welcome Condo

4.ซีรีส์คอนโดฯ เลี้ยงสัตว์ได้ภายใต้แคมเปญ Pets Welcome Condo รองรับกระแส Pet Parent ที่ดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนลูกหลาน ซี่งแสนสิริประสบความสำเร็จมาแล้วจากคอนโดฯเดอะสแตนดาร์ด หัวหิน, เมคิน เฮาส์ เชียงใหม่, เดอะมูฟ สุขุมวิท 107, พินน์ ปรีดี 20

ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการใหม่ “พินน์ ศูนย์วิจัย” ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ มูลค่า 260 ล้านบาท โมเดลเป็นห้องชุดขนาดใหญ่ ยูนิตไม่เยอะ ซึ่งแสนสิริให้ความสำคัญกับการดีไซน์รายละเอียด ทำให้ลูกค้า Pet Lover สามารถอยู่อาศัยได้ครบฟังก์ชั่น ตอบโจทย์การอยู่อาศัยกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก

5.พลิกโฉมแบรนด์ “เดอะเบส” เป็นแบรนด์ที่ลูกค้ารู้จักมาอย่างยาวนาน พัฒนาแล้ว 20 โครงการ มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท ในปีนี้เตรียมบุกเพิ่ม 4 โครงการใหม่ มูลค่า 5,700 ล้านบาท โดยการรีเซตไม่ใช่แค่ปรับปรุง แต่มีการขยายพื้นที่แปลนใหม่ หน้ากว้าง เพิ่มพื้นที่สีเขียว ดีไซน์ห้องแบบลอฟต์

เรื่องใหม่ปีนี้เตรียมเปิดขายเดอะเบส ที่เป็นครั้งแรกในการนำเสนอเป็นคอนโดฯเลี้ยงสัตว์ได้ 2 โครงการ ในจำนวนนี้มี “เดอะเบส ไรส์” แบรนด์เดอะเบสโครงการที่ 3 ในภูเก็ต มูลค่า 900 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท/ยูนิต

ขานรับคอนโดฯ BOI 1.5 ล้าน

6.ต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ “ดีคอนโด” วางแผนเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่า 3,900 ล้านบาท ควบคู่กับเตรียมโอน 6 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาทในปีนี้ โมเดลธุรกิจเป็นคอนโดฯ ที่มีฟาซิลิตี้ตอบสนองดีมานด์การซื้อคนในพื้นที่ ทั้งทำเลและการใช้ชีวิต ตัวอย่าง “ดีคอนโด เซนส์” บางแสน ชลบุรี อยู่ในโซนแคมปัสคอนโดฯ ทำเลไพรมใกล้ ม.บูรพา มูลค่า 880 ล้านบาท กับ “ดีคอนโด คาล์ม” รามคำแหง 10 มูลค่า 820 ล้านบาท

7.เดินหน้าพัฒนาเซ็กเมนต์ Affordable Condo ต่อเนื่อง รองรับมาตรการรัฐที่สนับสนุนการลงทุนคอนโดฯ BOI ราคาขายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ผ่าน 2 แบรนด์หลักคือ “คอนโด มี-Vay” ทำเลอยู่ใกล้แหล่งงาน ใกล้นิคมอุตสาหกรรมเป็นหลัก วางแผนเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท

และ 8.ตอกย้ำประสบการณ์ 40 ปีแสนสิริ อสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ผู้นำด้านดีไซน์และคุณภาพการบริการ เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในการพักอาศัยให้กับลูกค้าทุกคน โดยเบื้องหลังการพัฒนาคอนโดฯ มีการบริหารจัดการซัพพลายเชน พันธมิตรธุรกิจระดับโปรเฟสชั่นนอลทุกรายละเอียด

“ในวงการคอนโดฯ ดีเวลอปเปอร์ระดับท็อป 5 ทำได้เหมือนกันหมด แต่จุดที่ทำให้แสนสิริมายืนอันดับหนึ่ง และอยู่นานถึง 40 ปี คือความโดดเด่นเรื่องการบริการที่เข้าใจการใช้ชีวิต เข้าใจไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงบริการหลังการขาย หรือการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด ที่ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น จนกระทั่งซื้อเพนต์เฮาส์เกือบ 500 ล้านบาท ซื้อเราในกระดาษ เป็นบทพิสูจน์ถึงกลยุทธ์ทั้ง 8 ด้านที่เรามี และทำให้เราแข็งแรงมากในตลาด” นายองอาจกล่าว

16/6/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 16 มิถุนายน 2567 )

ช่องยูทูปของ iCONS