ยักษ์ค้าปลีกไทย เผยแผนทุ่มงบ 1.5 แสนล้าน ผุด 18 โครงการภายในปี 2573 พร้อมเสนอรัฐเพิ่มความถี่จัด Easy e-Receipt ให้บ่อยขึ้น หวังกระตุ้นกำลังซื้อ ยืนยันศูนย์การค้าพร้อมออกแคมเปญการตลาดต่อเนื่อง
วันที่ 19 มิถุนายน 2567 สมาคมศูนย์การค้าไทย ซึ่งประกอบด้วยผู้ประกอบธุรกิจศูนย์การค้า 12 ราย อาทิ เซ็นทรัลพัฒนา, เดอะมอลล์ชอปปิ้งคอมเพล็กซ์, สยามพิวรรธน์, ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ ฯลฯ เปิดเผยว่า สมาคมฯ มีแผนขยายธุรกิจเพิ่มอีก 18 โครงการ ภายในปี 2030 หรือ 2573 รวมมูลค่ากว่า 152,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน กระจายรายได้
นอกจากนี้สมาคมยังพร้อมสนับสนุนนโยบาย กระตุ้นจับจ่าย & กำลังซื้อ โดยเสนอให้ภาครัฐเพิ่มความถี่มาตรการ Easy e-Receipt และอัดฉีดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มขึ้น โดยศูนย์การค้าพร้อมออกแคมเปญการตลาดอย่างต่อเนื่อง
นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย อธิบายว่า ศูนย์การค้าเป็นธุรกิจที่สำคัญและมีบทบาทเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จึงเป็นหนึ่งใน Key Driving Force กระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศ โดยสมาคมฯ มีนโยบาย 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม
เสนอจัดEasy e-Receipt มากกว่า 1 ครั้ง/ปี
ด้านเศรษฐกิจ: การลงทุนใน ธุรกิจศูนย์การค้า จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ กระตุ้นการจ้างงาน สร้างอาชีพ สะท้อนจากปัจจุบันเฉพาะสมาชิกสมาคมฯ มีธุรกิจศูนย์การค้ารวม 90 แห่งทั่วประเทศ พื้นที่รวมทั้งหมด 15 ล้านตารางเมตร เทียบเป็นสัดส่วน 50% ธุรกิจศูนย์การค้าในไทย มีพนักงาน (รวมร้านค้า) กว่า 220,000 คน และสร้างงานในอุตสาหกรรมราว 500,000 คน
ทั้งนี้สมาคมฯ มีแผนขยายในอนาคตถึงปี 2030 เพิ่มอีก 18 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 152,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน เสนอให้เพิ่มความถี่มาตรการ Easy e-Receipt มากกว่า 1 ครั้งต่อปี เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง หลังเมื่อช่วงต้นปีมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีเงินสะพัดกว่า 5 หมื่นล้านบาท
รวมถึงเสนอภาครัฐให้อัดฉีดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อที่สร้าง Multiplier Effect ที่การใช้จ่ายแต่ละรอบจะกลายเป็นรายได้ของผู้อื่นต่อเนื่องกันไป ส่งผลให้มีการจับจ่ายและการลงทุนเพิ่มขึ้น นำไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ
หนุน SMEs โชว์ศักยภาพ กระตุ้นท่องเที่ยว
ด้านสังคม: เปิดพื้นที่ศูนย์การค้าส่งเสริมศักยภาพ โดยใช้ศักยภาพพื้นที่ในทุกโครงการให้เกิดประโยชน์ โดยนับรวมสมาชิกสมาคมฯ เปิดพื้นที่ฟรีให้ผู้ประกอบการ, เกษตรกร และชุมชน พร้อมยกระดับ Thainess & Soft Power ผ่านการจัด Cultural & Signature Events ครบทุกมิติ ซึ่งเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยอีกด้วย
เพิ่มอุณหภูมิแอร์ 1 องศา ประหยัดพลังงาน
ด้านสิ่งแวดล้อม: จัดการพลังงาน สนับสนุนศูนย์การค้าปรับตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นเพียง 1?C ลดการใช้ไฟฟ้า 2.54% พร้อมชวนทุกครัวเรือนประหยัดพลังงานช่วยชาติ รวมถึงด้านการจัดการขยะ จับมือ กทม. เข้าร่วมโครงการ ห้างนี้ ไม่เทรวม ก้าวสู่ Zero Waste
ทั้งนี้ที่ผ่านมาสมาชิกสมาคมฯ ลดการใช้พลังงานได้ 25 ล้านหน่วยต่อปี เป็นเงิน 113 ล้านบาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 12,527 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าหรือเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 1.3 ล้านต้นราว 7,000 ไร่
หากทั้งอุตสาหกรรมร่วมมือกันจะลดได้ราว 53 ล้านหน่วย เท่ากับ 238 ล้านบาทต่อปี
พร้อมกันนี้สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดโดยการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของหลังคาศูนย์การค้านับเฉพาะสมาชิกฯ อยู่ที่ 86 ล้านหน่วย คิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นร่วม 1,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบัน สมาคมศูนย์การค้าไทยประกอบด้วยผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์การค้าทั้งหมด 12 ราย ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอะมอลล์ชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ จำกัด, บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด, บริษัท แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด, บริษัท วัน แบงค็อก จำกัด, บริษัท แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จำกัด, และบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน)
19/6/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 19 มิถุนายน 2567 )