กล่าวคือ สถานการณ์ตลาดบ้านและคอนโดมิเนียมใน 3 จังหวัด ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ออกมาในแนวทรงกับทรุด สอดคล้องกับภาพใหญ่ของภาพรวมในโซนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ที่มียอดขายและยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ต่ำสุดในรอบ 25 ไตรมาส
EEC เสนอขาย 5 หมื่นหน่วย
โดย ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ระบุว่า ภาพรวมในพื้นที่ EEC 3 จังหวัด มีบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมเสนอขาย 50,401 หน่วย เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66
แบ่งเป็นคอนโดฯ 22,657 หน่วย เพิ่มขึ้น 25.1% มูลค่า 80,972 ล้านบาท บ้านแนวราบ 27,744 หน่วย ลดลง -13.8% มูลค่า 92,448 ล้านบาท
โดยพบว่าคอนโดฯ เปิดขายใหม่มีสัดส่วนมากถึง 88.7% อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรเปิดใหม่สัดส่วน 49.3% อยู่ในจังหวัดชลบุรี รองลงมาสัดส่วน 34.2% อยู่ในจังหวัดระยอง และ 16.5% อยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
การเปิดตัวโครงการใหม่ในภาพรวม EEC มีจำนวน 8,420 หน่วย เพิ่มขึ้น 65.6% มีมูลค่ารวมกัน 32,240 ล้านบาท โดยคอนโดฯ มีสัดส่วนเปิดขายใหม่ 67.6%
ข้อสังเกตอยู่ที่ทำเลเปิดใหม่ใน EEC กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดชลบุรีมากสุด ประกอบด้วย คอนโดฯ เปิดตัวใหม่ 97.2% สินค้าทาวน์เฮาส์ 79.9% ขณะที่สินค้าบ้านเดี่ยว กระจายการลงทุนเปิดขายโครงการใหม่ใกล้เคียงกันในจังหวัดชลบุรี สัดส่วน 43.8% กับจังหวัดระยอง 41.8%
แน่นอนว่า จังหวัดฉะเชิงเทรามีโครงการเปิดตัวใหม่ค่อนข้างน้อยในทุกประเภทที่อยู่อาศัย
คอนโดฯพยุงยอดขายตลาดรวม
สำหรับ ยอดขายได้ใหม่ ในภาพรวม EEC มีจำนวน 6,557 หน่วย เพิ่มขึ้น 14.2% มีมูลค่ารวมกัน 21,745 ล้านบาท
REIC พบว่าเป็นผลมาจากการขยายตัวของยอดขายได้ใหม่สินค้าคอนโดฯ เป็นหลัก เพิ่มขึ้น 100% จำนวน 3,112 หน่วย ด้วยมูลค่าการขาย 9,749 ล้านบาท ในด้านทำเลสัดส่วนถึง 89.6% เป็นยอดขายได้ใหม่อยู่ในชลบุรี
สถิติบ้านจัดสรรขายได้ใหม่ มีจำนวน 3,445 หน่วย ลดลง -17.7% มูลค่ารวมกัน 11,996 ล้านบาท
เหลือขายจุกอก 232,125 ล้าน
REIC ชี้ให้เห็นว่า ผลจากจำนวนหน่วยคอนโดฯ เปิดใหม่ มีมากกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ ส่งผลทำให้เกิดการสะสมของหน่วยเหลือขาย ณ สิ้นไตรมาส 1/67 มีหน่วยเหลือขายในพื้นที่ EEC จำนวน 43,844 หน่วย ลดลง -1.6% มีมูลค่ารวมกัน 151,674 ล้านบาท
แบ่งเป็นคอนโดฯ เหลือขาย 19,545 หน่วย เพิ่มขึ้น 18.0% มูลค่ารวม 71,223 ล้านบาท โดยทำเลเหลือขายส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในชลบุรี 88.5%
ขณะที่บ้านจัดสรร ถึงแม้ว่ามียอดขายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังมีหน่วยเปิดตัวใหม่น้อยกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่มากพอสมควร ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายสะสม 24,299 หน่วย ลดลง -13.2% มูลค่ารวม 80,451 ล้านบาท
โดยพบว่าหน่วยเหลือขายที่เป็นคอนโดฯ กระจุกตัวอยู่ในชลบุรี สัดส่วน 88.5%
ส่วนหน่วยเหลือขายสะสมประเภทบ้านจัดสรร อยู่ในชลบุรี 49.2% ระยอง 34.2% และฉะเชิงเทรา 16.7% ตามลำดับ
พัทยา-จอมเทียน ขายดีจัด
ตลาด EEC ในไตรมาส 1/67 มีความคึกคักในพื้นที่ชลบุรีเท่านั้น โดยเปิดตัวโครงการใหม่มากในโซนพัทยาถึงจอมเทียน มากกว่าช่วงไตรมาส 1/66 ถึง 1.5 เท่า และมียอดขายใหม่ที่น่าพอใจปรับตัวสูงขึ้น 1 เท่าตัว เกิดจากโครงการใหม่ได้รับความสนใจเลือกซื้อมากกว่า ขณะที่หน่วยเหลือขายที่เปิดตัวในช่วงปลายปีที่แล้วขายได้ช้ากว่า ทำให้คอนโดฯมีหน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้นมาก
จุดที่ต้องโฟกัสคือบ้านจัดสรรเหลือขายใน EEC ยอดขายได้ใหม่ลดลงทุกประเภท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ ลดลง -28.4% เทียบกับไตรมาส 1/66 และเป็นการลดต่อเนื่อง 5 ไตรมาส
ประเภทบ้านเดี่ยว ลดลง -9.1% และบ้านแฝด ลดลง -5.4% ในเชิงสถิติไตรมาส 1/67 จึงเป็นไตรมาสที่มีจำนวนหน่วยขายอยู่ในระดับต่ำพอสมควร
แต่เนื่องจากการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ ทำให้หน่วยเหลือขายสะสมมีทิศทางปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/66 โดยเฉพาะสินค้าทาวน์เฮาส์กับบ้านแฝด
ชลบุรี คอนโดฯเปิดใหม่พุ่ง
REIC สำรวจลงรายละเอียด 3 จังหวัดในไตรมาส 1/67 ดังนี้
จังหวัดชลบุรี สถิติบ้านและคอนโดฯ สะสมมีจำนวน 33,769 หน่วย เพิ่มขึ้น 15.1% มูลค่า 126,468 ล้านบาท โดยคอนโดฯ มีสัดส่วน 59.5% จำนวน 20,087 หน่วย เพิ่มขึ้น 36.7% มูลค่ารวม 75,523 ล้านบาท เป็นผลจากมีการเปิดตัวใหม่ในไตรมาสนี้จำนวนมาก
บ้านจัดสรรมีสัดส่วน 40.5% จำนวน 13,682 หน่วย ลดลง -6.5% มูลค่ารวม 50,946 ล้านบาท เนื่องจากเปิดตัวใหม่น้อยลง
โดยมีโครงการเปิดขายใหม่ 7,106 หน่วย เพิ่มขึ้น 448.3% มูลค่า 27,880 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ สัดส่วน 78.0% จำนวน 5,542 หน่วย มูลค่ารวม 21,505 ล้านบาท และบ้านจัดสรรสัดส่วน 22.0% จำนวน 1,564 หน่วย เพิ่มขึ้น 28.5% มูลค่ารวม 6,376 ล้านบาท
ภาพรวมยอดขายได้ใหม่อยู่ที่ 4,545 หน่วย เพิ่มขึ้น 54.0% มูลค่า 16,307 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.5% ต่อเดือน แบ่งเป็นคอนโดฯ สัดส่วน 61.3% จำนวน 2,787 หน่วย เพิ่มขึ้น 182.9% มูลค่ารวม 9,139 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.6% ต่อเดือน และบ้านจัดสรรสัดส่วน 38.7% จำนวน 1,758 หน่วย ลดลง -10.6% มูลค่ารวม 7,167 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.3% ต่อเดือน
ภาพรวมโครงการเหลือขาย มีจำนวน 29,224 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.8% มูลค่า 110,161 ล้านบาท โดยคอนโดฯ มีสัดส่วน 59.2% จำนวน 17,300 หน่วย เพิ่มขึ้น 26.2% มูลค่ารวม 66,383 ล้านบาท และบ้านจัดสรร สัดส่วน 40.8% จำนวน 11,924 หน่วย ลดลง -5.9% มูลค่ารวม 43,778 ล้านบาท
พัทยา-เขาพระตำหนัก เหลือบาน
ท็อป 3 ทำเลคอนโดฯ ขายดี ได้แก่ 1.จอมเทียน มียอดขาย 604 หน่วย มูลค่า 2,428 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.6% ต่อเดือน 2.นิคมอุตสาหกรรมพานทอง-พนัสนิคม ยอดขาย 499 หน่วย มูลค่า 616 ล้านบาท อัตราดูดซับ 18.4% ต่อเดือน 3.พัทยา-เขาพระตำหนัก ยอดขาย 481 หน่วย มูลค่า 3,262 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.3% ต่อเดือน
ท็อป 3 ทำเลคอนโดฯ เหลือขายมากที่สุด คือ 1.จอมเทียน เหลือขาย 5,000 หน่วย มูลค่า 21,929 ล้านบาท 2.พัทยา-เขาพระตำหนัก เหลือขาย 4,334 หน่วย มูลค่า 26,993 ล้านบาท และ 3.นิคมฯ อมตะนคร-บายพาส เหลือขาย 2,423 หน่วย มูลค่า 3,284 ล้านบาท
ระวัง โอเวอร์ซัพพลาย
ท็อป 3 ทำเลบ้านจัดสรรขายได้ใหม่ ได้แก่ 1.นิคมฯพานทอง-พนัสนิคม มียอดขาย 285 หน่วย มูลค่า 723 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.9% ต่อเดือน 2.บางแสน-หนองมน-บางพระ ยอดขาย 247 หน่วย มูลค่า 1,262 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.3% ต่อเดือน และ 3.นิคมฯอมตะนคร-บายพาส ยอดขาย 221 หน่วย มูลค่า 596 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.7% ต่อเดือน
ท็อป 3 ทำเลบ้านจัดสรรเหลือขายมากที่สุด คือ 1.นิคมฯพานทอง-พนัสนิคม เหลือขาย 2,127 หน่วย มูลค่า 5,283 ล้านบาท 2.นิคมฯอมตะนคร-บายพาส เหลือขาย 1,770 หน่วย มูลค่า 4,983 ล้านบาท และ 3.บางแสน-หนองมน-บางพระ เหลือขาย 1,685 หน่วย มูลค่า 8,668 ล้านบาท
ดร.วิชัย สรุปภาพรวมชลบุรี เป็นตลาดที่ถูกขับเคลื่อนโดยคอนโดฯ เป็นสำคัญ มียอดขายเพิ่มขึ้นและมีการเปิดขายใหม่จำนวนมากต่อเนื่องกัน 4 ไตรมาส เฉลี่ยเปิดตัวไตรมาสละ 3,000 หน่วย ระหว่างปี 2566-ไตรมาส 1/67 โดยพบว่ายอดขายใหม่เฉลี่ยไตรมาสละ 2,100 หน่วย
ขณะที่บ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่น้อยกว่า เฉลี่ยไตรมาสละ 1,200 หน่วย มียอดขายใหม่เฉลี่ยไตรมาสละ 1,800 หน่วย ซึ่งยอดขายมากกว่าหน่วยเปิดตัวใหม่มาก ชี้ให้เห็นว่า แม้ดีมานด์คอนโดฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่หลังยุคโควิด แต่ซัพพลายคอนโดฯ กลับมีมากเกินกว่าดีมานด์ในตลาด หน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้น 26%
ภาพรวมมียอดขายลดลงจากทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด มีเพียงบ้านเดี่ยวที่ยอดขายเพิ่มขึ้น ทางดีเวลอปเปอร์เติมซัพพลายน้อยกว่ายอดขาย ส่งผลให้บ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขายลดลง -6%
ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยชลบุรีในภาพรวมยังมีโอกาสขยายตัวได้ แต่ต้องระวังซัพพลายส่วนเกินของคอนโดฯ ที่เป็นอยู่ขณะนี้ และทาวน์เฮาส์ที่ทิศทางยอดขายลดลง 5 ไตรมาสติดต่อกัน สินค้าบ้านเดี่ยวยังมีทิศทางการขยายตัวที่ดี บ้านแฝดคาดว่าทรงตัวและพอไปได้
ระยอง ไม่มีคอนโดฯเปิดใหม่
จังหวัดระยอง มีบ้าน-คอนโดฯ สะสม 10,549 หน่วย ลดลง -20.8% มูลค่า 29,105 ล้านบาท โดยคอนโดฯ มีสัดส่วน 10.0% จำนวน 1,050 หน่วย ลดลง -18.0% มูลค่ารวม 3,606 ล้านบาท บ้านจัดสรรมีสัดส่วน 90.0% จำนวน 9,499 หน่วย ลดลง -21.1% มูลค่ารวม 25,499 ล้านบาท
ข้อสังเกตตลาดระยอง โครงการเปิดขายใหม่เป็นบ้านจัดสรรทั้งหมด จำนวน 879 หน่วย ลดลง -36.9% มูลค่า 2,296 ล้านบาท สินค้าบ้านแฝดมีสัดส่วน 28.7% บ้านเดี่ยว 51.1% และทาวน์เฮาส์ 20.3%
โครงการขายได้ใหม่ มีจำนวน 1,314 หน่วย ลดลง -27.2% มูลค่า 3,486 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.2% ต่อเดือน โดยคอนโดฯ มีสัดส่วน 10.0% จำนวน 130 หน่วย ลดลง -37.5% มูลค่ารวม 367 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.1% ต่อเดือน และบ้านจัดสรรสัดส่วน 90.0% จำนวน 1,184 หน่วย ลดลง -25.9% มูลค่ารวม 3,119 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.2% ต่อเดือน
โครงการเหลือขายมีจำนวน 9,235 หน่วย ลดลง -19.8% มูลค่า 25,619 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ สัดส่วน 10.0% จำนวน 920 หน่วย ลดลง -14.2% มูลค่ารวม 3,239 ล้านบาท และบ้านจัดสรรสัดส่วน 90.0% จำนวน 8,315 หน่วย ลดลง -20.3% มูลค่า 22,381 ล้านบาท
ยอดขายดี-เหลือขาย คละกัน
ท็อป 2 ทำเลคอนโดฯ ขายดี ได้แก่ 1.ทำเลเมืองระยอง มียอดขาย 71 หน่วย มูลค่า 148 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.7% ต่อเดือน 2.นิคมฯมาบตาพุด ยอดขาย 57 หน่วย มูลค่า 185 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.6% ต่อเดือน
ท็อป 2 ทำเลคอนโดฯ เหลือขายมากที่สุด คือ 1.นิคมฯมาบตาพุด เหลือขาย 469 หน่วย มูลค่า 1,666 ล้านบาท 2.เมืองระยอง เหลือขาย 428 หน่วย มูลค่า 904 ล้านบาท
ท็อป 3 ทำเลบ้านจัดสรรขายดี คือ 1.นิคมฯอมตะซิตี้-อีสเทิร์น มียอดขาย 443 หน่วย มูลค่า 919 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.9% ต่อเดือน 2.นิคมฯเหมราช ยอดขาย 352 หน่วย มูลค่า 829 ล้านบาท อัตราดูดซับ 5.0% ต่อเดือน และ 3.นิคมฯมาบตาพุด มียอดขาย 216 หน่วย มูลค่า 752 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.4% ต่อเดือน
ท็อป 3 ทำเลบ้านจัดสรรเหลือขายมากที่สุด คือ 1.นิคมฯอมตะซิตี้-อีสเทิร์น เหลือขาย 3,354 หน่วย มูลค่า 6,938 ล้านบาท 2.นิคมฯเหมราช 1,998 หน่วย มูลค่า 4,540 ล้านบาท และ 3.นิคมฯมาบตาพุด 1,885 หน่วย มูลค่า 6,369 ล้านบาท
ไหวตัวทัน-เติมซัพพลายไม่เยอะ
REIC สรุปภาพรวมว่า ตลาดระยองมีพื้นฐานเป็นตลาดบ้านจัดสรร ที่มีการเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องทุกไตรมาส ช่วงระหว่างปี 2566-ไตรมาส 1/67 มียอดขายได้ใหม่เฉลี่ยไตรมาสละ 1,500 หน่วย แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 600 หน่วย รองลงมาทาวน์เฮาส์ 550 หน่วย และบ้านแฝด 350 หน่วย
อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านจัดสรรมีทิศทางปรับตัวลงได้ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ ทำให้ดีเวลอปเปอร์ลดการเปิดตัวโครงการใหม่ลง เฉลี่ยไตรมาสละ 1,000 หน่วย และหันไปลงทุนบ้านเดี่ยวมากที่สุด
ทั้งนี้ ระยองมีสถิติภาพรวมโครงการลดลงต่อเนื่องในช่วง 5 ไตรมาส โดยไตรมาส 1/67 ลดลงถึง -21% ขณะที่คอนโดฯ มีการเปิดใหม่เป็นรอบ ๆ ไม่ต่อเนื่อง เฉลี่ย 5 ไตรมาสที่ผ่านมาเปิดขายใหม่เพียง 1,211 หน่วย แต่มียอดขายรวม 1,039 หน่วย และมีทิศทางที่ลดลง สะท้อนให้เห็นเป็นหน่วยเหลือขาย 920 หน่วย ต้องใช้เวลาขาย 1 ปีขึ้นไปจึงจะขายหมด
ตลาดระยองในภาพรวมยังเป็นตลาดบ้านจัดสรร มีทิศทางของยอดขายที่ปรับตัวลงในปี 2567 แต่ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดโอเวอร์ซัพพลายมากเกินไป เนื่องจากผู้ประกอบการลดการเติมซัพพลายใหม่เข้าตลาด สำหรับคอนโดฯ ยังคงมีการตอบรับของดีมานด์ได้ในระดับหนึ่ง ประเด็นอยู่ที่ปัจจุบัน มีซัพพลายเกินดีมานด์ ดังนั้นจึงควรเว้นช่วงในการเติมคอนโดฯ ซัพพลายใหม่ออกไปก่อน
ฉะเชิงเทรา ไซซ์มินิ 1.6 หมื่นล้าน
น้องเล็กที่สุดในโซน EEC จังหวัดฉะเชิงเทรา มีบ้าน-คอนโดฯ สะสม 6,083 หน่วย ลดลง -20.4% มูลค่า 17,846 ล้านบาท โดยคอนโดฯ มีสัดส่วน 25.0% จำนวน 1,520 หน่วย ลดลง -29.1% บ้านจัดสรรสัดส่วน 75.0% จำนวน 4,563 หน่วย ลดลง -17.1% มูลค่ารวม 16,003 ล้านบาท
โครงการเปิดขายใหม่เป็นบ้านจัดสรรทั้งหมด จำนวน 277 หน่วย เพิ่มขึ้น 1.1% มูลค่า 1,866 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว 36.6% บ้านแฝด 9.7% และทาวน์เฮาส์ 17.5%
บ้าน-คอนโดฯ ขายได้ใหม่ มีจำนวน 698 หน่วย ลดลง -29.3% มูลค่า 1,953 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.8% ต่อเดือน แบ่งเป็นคอนโดฯ มีสัดส่วน 27.9% จำนวน 195 หน่วย ลดลง -46.3% มูลค่ารวม 242.4 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.3% ต่อเดือน บ้านจัดสรรสัดส่วน 72.1% จำนวน 503 หน่วย ลดลง -19.4% มูลค่ารวม 1,710 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.7% ต่อเดือน
ภาพรวมโครงการเหลือขาย มีจำนวน 5,385 หน่วย ลดลง -19.1% มูลค่า 15,894 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ มีสัดส่วน 24.6% จำนวน 1,325 หน่วย ลดลง -25.6% มูลค่ารวม 1,601 ล้านบาท บ้านจัดสรรสัดส่วน 75.4% จำนวน 4,060 หน่วย ลดลง -16.8% มูลค่ารวม 14,293 ล้านบาท
Q1/67 แปดริ้วร่วงแรง
ท็อป 2 ทำเลคอนโดฯ ขายดี ได้แก่ 1.บ้านโพธิ์ มียอดขาย 99 หน่วย มูลค่า 124 ล้านบาท อัตราดูดซับ 20.9% ต่อเดือน 2.บางปะกง ยอดขาย 85 หน่วย มูลค่า 103 ล้านบาท อัตราดูดซับ 2.2% ต่อเดือน
ท็อป 2 ทำเลคอนโดฯ เหลือขาย คือ 1.บางปะกง เหลือขาย 1,206 หน่วย มูลค่า 1,427 ล้านบาท 2.ทำเลในเมืองฉะเชิงเทรา เหลือขาย 60 หน่วย มูลค่า 100 ล้านบาท
ท็อป 3 ทำเลบ้านจัดสรรขายดี ได้แก่ 1.บางปะกง มียอดขาย 139 หน่วย มูลค่า 493 ล้านบาท อัตราดูดซับ 3.1% ต่อเดือน 2.ทำเลในเมืองฉะเชิงเทรา ยอดขาย 134 หน่วย มูลค่า 440 ล้านบาท อัตราดูดซับ ร้อยละ 3.7% ต่อเดือน และ 3.บ้านโพธิ์ 128 หน่วย มูลค่า 535 ล้านบาท อัตราดูดซับ 4.7% ต่อเดือน
ท็อป 3 ทำเลบ้านจัดสรรเหลือขายมากที่สุด คือ 1.บางปะกง เหลือขาย 1,349 หน่วย มูลค่า 5,359 ล้านบาท 2.ในเมืองฉะเชิงเทรา 1,064 หน่วย มูลค่า 3,523 ล้านบาท และ 3.บ้านโพธิ์ เหลือขาย 787 หน่วย มูลค่า 3,447 ล้านบาท
REIC สรุปว่า ฉะเชิงเทราเป็นตลาดที่มีขนาดเล็ก สินค้ายอดนิยมคือบ้านจัดสรร และบ้านเดี่ยวขายดีสุด
อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านจัดสรรทุกประเภทปรับตัวลดลงในไตรมาส 1/67 ค่อนข้างแรง ในขณะที่โครงการเปิดใหม่มีน้อย เป็นตัวช่วยให้ซัพพลายส่วนเกินลดลงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนคอนโดฯ ภาพรวมฉะเชิงเทรามีการชะลอตัวในด้านการขาย ถึงแม้ในไตรมาส 1/67 มีโครงการเปิดขายใหม่และได้รับความสนใจซื้อในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุกยอดขายในภาพรวมได้ ต้องใช้เวลาในการดูดซับสต๊อกเปิดขายอย่างช้า ๆ
4/7/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 4 กรกฎาคม 2567 )