ไมเนอร์ ฟู้ด กางแผนครึ่งปีหลังปี 2567 เตรียมขยายสาขา Flagship ระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมเปิด Flagship สเวนเซ่นส์อีก 1 แห่ง เน้นชูเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น เพื่อสร้างหมุดหมายใหม่สำหรับการท่องเที่ยว พร้อมเดินหน้าพัฒนาเมนู-โฆษณาสิทธิประโยชน์สมาชิก หวังเพิ่มยอดผู้ใช้บริการในสาขา มั่นใจกระตุ้นยอดขายครึ่งปีหลังโตตามเป้า
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัทแม่ของไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ผู้บริหารร้านอาหารรายใหญ่ที่มีสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, ซิซซ์เล่อร์, เบอร์เกอร์ คิง, เดอะคอฟฟี่ คลับ, ริเวอร์ไซด์ ฯลฯ เปิดเผยว่า แนวทางของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ ไมเนอร์ ฟู้ด ยังคงมุ่งสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นขยายสาขา Flagship ระดับภูมิภาคเพื่อนําเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ผ่านวัฒนธรรมท้องถิ่น
โดยเร็ว ๆ นี้จะเปิดร้าน Flagship ของแบรนด์สเวนเซ่นส์อีก 1 แห่งในสถานที่ใหม่ หลังจากปัจจุบันสเวนเซ่นส์ มีสาขารูปแบบ Regional Flagship Store เปิดให้บริการอยู่แล้ว 6 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต น่าน ยะลา พิษณุโลก นครศรีธรรมราช และหาดใหญ่ หลังเมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แบรนด์เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เปิดตัวสาขา Flagship ระดับภูมิภาคเป็นสาขาแรกที่จังหวัดแพร่เช่นเดียวกัน
เราจะนำสถาปัตยกรรมท้องถิ่นมาผสมผสานกับความทันสมัย และองค์ประกอบต่าง ๆ ของแบรนด์ ให้สาขากลายเป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยวใหม่ของพื้นที่นั้น ๆ รวมถึงนำเสนอเมนูพิเศษที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น จะช่วย?เสริมสร้างสถานะทางการตลาดของแบรนด์ และกระตุ้นยอดขายโดยรวมได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันแต่ละแบรนด์ในเครือจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้วยการปรับเมนูเดิมและคิดค้นเมนูใหม่ เพื่อตอบสนองรูปแบบการจำหน่ายที่หลากหลายทั้งทานในร้าน ดีลิเวอรี่ การซื้อกลับบ้าน และ Drive-Thru ไปในทิศทางเดียวกับการทำโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกที่จัดต่อเนื่อง ตามเป้าเพิ่มความถี่และยอดใช้จ่ายของสมาชิกปัจจุบัน รวมถึงเพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้า
เชื่อว่าการออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหม่ให้เข้าที่สาขามากขึ้น รวมถึงเพิ่มรายได้ และยอดใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้าให้สูงขึ้นเช่นเดียวกัน สะท้อนจากช่วงที่ผ่านมา ยัปโป้ โยเกิร์ตผสมเยลลี่ของแบรนด์แดรี่ ควีน สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค และช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนการทำตลาดในประเทศจีน จะเน้นลดผลกระทบจากความอ่อนแอของตลาด พร้อมกับการสํารวจโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม โดยจะโยกย้ายร้านอาหารที่เน้นการทานในร้านไปยังทำเลที่มีกลุ่มลูกค้าหนาแน่นกว่าเดิม รวมถึงปรับเมนูดีลิเวอรี่ให้รองรับการสั่งอาหารในหลากหลายโอกาสมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันเตรียมเปิดตัวธุรกิจแนวคิดใหม่ในรูปแบบแฟรนไชส์ที่มุ่งเป้าไปยังตลาดการทานอาหารในบรรยากาศเป็นกันเอง หลังเมื่อปีที่แล้วเปิดตัวแบรนด์เจียง เหม่ย เซียน เพื่อรองรับธุรกิจรูปแบบแฟรนไชส์ ไปก่อนแล้ว
ด้านในประเทศออสเตรเลียจะโฟกัสการฟื้นฟูธุรกิจในด้านผลการดําเนินงาน และเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ รวมถึงประสบการณ์ในร้าน เช่น บรรจุภัณฑ์ใหม่ และเครื่องแบบใหม่ เพื่อให้สามารถเพิ่มมูลค่าและขยายการเข้าถึงตลาดให้หลากหลายขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมียอดขายรวมทุกสาขา (รวมสาขาแฟรนไชส์) เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 8,102 ล้านบาท ขณะที่ 6 เดือนแรก มีรายได้รวมอยู่ที่ 16,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ของร้านอาหารในประเทศไทย ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกําไรจากกิจการร่วมค้าที่เติบโตขึ้น
สำหรับจำนวนสาขานั้น ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมีร้านอาหารทั้งสิน 2,655 สาขา แบ่งเป็น สาขาที่บริษัทลงทุนเอง 1,365 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 1,290 สาขา โดยเป็นสาขาภายใต้กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย 2,031 สาขา และสาขาภายใต้กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศอื่น 624 สาขา ครอบคลุม 23 ประเทศในเอเชีย โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง ยุโรป ประเทศเม็กซิโก และประเทศแคนาดา
15/8/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 15 สิงหาคม 2567 )