ขอน้อมกราบถวายอาลัย พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘    "ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์"    ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหารและพนักงาน บริษัท อินฟอร์เมชั่น คอนสตรัคชั่น จำกัด
info@icons.co.th 02 810 8892-6 216.73.216.120

ราช กรุ๊ป ทุ่ม 1 หมื่นล้าน ครึ่งปี’67 ขยายโรงไฟฟ้า-พลังงานหมุนเวียน แย้มสนใจลงทุน SMR

Power Plant News / ข่าวหมวดโรงไฟฟ้า

“ราช กรุ๊ป” ทุ่มงบฯ 1 หมื่นล้านบาท เดินหน้าโครงการ pipline ให้สำเร็จตามเป้าหมาย ลุยขยายธุรกิจ GreenFields-Brownfields มากขึ้น พร้อมขยายโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน วางเป้าเพิ่มสัดส่วนการผลิตจากพลังงานทดแทน 30% ปี’73 เผยสนใจลงทุนโรงไฟฟ้า SMR อยู่ระหว่างศึกษาระเบียบร่วมพาร์ตเนอร์

วันที่ 26 สิงหาคม 2567 นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแนวการดำเนินธุรกิจ โดยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถการทำกำไรของสินทรัพย์ เน้นการลดต้นทุนการผลิตและการเงินของโรงไฟฟ้า ประกอบกับการนำดิจิทัลและ AI เข้ามาช่วยเสริมการบริหารโรงไฟฟ้า

รวมถึงการพัฒนาโครงการที่มีใน pipline ให้สำเร็จตามเป้าหมาย ตลอดจนมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนให้ถึงร้อยละ 30 ในปี 2573 และร้อยละ 40 ในปี 2578 จากปัจจุบันอยู่ที่ 27.5%

วางงบฯลงทุนครึ่งปี’67 หมื่นล้าน

ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทวางงบฯลงทุนไว้ที่ 10,000 ล้านบาท เป็นการพัฒนาโครงการที่มีใน pipeline ให้สำเร็จตามเป้าหมาย และหลังจากนี้จะเป็นการลงทุนในโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ (Gas Turbine) รวมถึงพลังงานหมุนเวียนในประเทศต่าง ๆ ขณะที่รูปแบบการลงทุนจะเน้นลงทุนแบบ GreenFields และ Brownfields มากขึ้น

โดยจะพัฒนาโรงไฟฟ้าในประเทศเป้าหมาย ได้แก่ สปป.ลาว ออสเตรเลีย อินโดนนีเซีย และไทย โดยประเทศไทยและอินโดนีเซียมีโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และก๊าซธรรมชาติ, สปป.ลาว มีศักยภาพที่จะลงทุนด้านพลังงานน้ำเพื่อส่งจำหน่ายให้กับประเทศไทย

ส่วนออสเตรเลียมีศักยภาพพัฒนาโครงการพลังงานลม แสงอาทิตย์ ระบบกักเก็บพลังงาน และโครงการประเภท Synchronous Condenser ที่ต่อยอดจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เริ่มศึกษาโมเดลการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ารูปแบบใหม่ และเทคโนโลยีพลังงานอนาคต ที่สามารถต่อยอดจากสินทรัพย์และศักยภาพความสามารถของบริษัทที่มีอยู่แล้ว

ได้แก่ โครงการกรีนไฮโดรเจน ได้ร่วมกับ BIG พัฒนาการผลิตไฮโดรเจนจากพลังงานทดแทนจากโครงการของบริษัท เพื่อจำหน่ายภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และการผลิตไฟฟ้าในอนาคต ระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบแบตเตอรี่

ขณะที่บริษัทย่อยในออสเตรเลียกำลังศึกษาโครงการขนาด 100 MW/200 MWh ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ โครงการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดโดยตรงในประเทศไทย ซึ่งกำลังร่วมกับพันธมิตรศึกษาโครงการนำร่องในนิคมอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ บริษัทยังเริ่มศึกษาโมเดลการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ ระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS) การผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสีเขียว การซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนโดยตรง (DPPA) รวมถึงการผลิตไฟฟ้าจากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR)

“เรามีความสนใจในการลงทุน SMR บริษัทพยายามศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับพันธมิตร ระยะแรกจะเน้นการศึกษาเทคโนโลยี กฎระเบียบ แลประเมินผลกระทบต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยหากมีการใช้งาน พร้อมกับทำให้เป็นยอมรับของประชาชน มอง site ไว้ที่ 120-150 เมกะวัตต์” นายนิทัศน์กล่าว

โครงการเดินเครื่องปี 2567

ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในมือ จำนวน 15 โครงการ กำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น รวม 1,773 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย 4 โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้าง ได้แก่

โรงไฟฟ้าอาร์อีเอ็น โคราช กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 12.48 MW กำหนด COD ในปี’67 ความคืบหน้าในการก่อสร้าง 99.99% โรงไฟฟ้านวนครส่วนขยาย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 12 MW กำหนด COD ใน ธ.ค. 67 ความคืบหน้าในการก่อสร้าง 63% โรงไฟฟ้าพลังน้ำซองเกียง 1 ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 5.55 MW กำหนด COD ในปี’67 ความคืบหน้าในการก่อสร้าง 62% โครงการกักเก็บพลังงานระบบแบตเตอรี่ LG2 ออสเตรเลีย กำหนด COD ในปี’67

โรงไฟฟ้าหินกอง ชุดที่ 1 กำลังผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 392.7 MW

โรงไฟฟ้าไพตัน อินโดนีเซีย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 742 MW

โรงไฟฟ้าคาลาบังก้า ฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 36.36 MW

ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมทางการเงิน 6 เดือนแรก ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 22,351 ล้านบาท จากธุรกิจผลิตไฟฟ้า 21,020 ล้านบาท และระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ 1,331 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,827 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8,415 ล้านบาท

ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุน 10,817.28 MW โดยเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล รวม 7,842.61 เมกะวัตต์ (ร้อยละ 72.5) และกำลังผลิตจากพลังงานทดแทน รวม 2,974.67 (ร้อยละ 27.5)

“ครึ่งปีหลังคาดว่ารายได้จะเติบโตกว่าครึ่งแรก เนื่องจากทิศทางการลงทุนและสภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น” นายนิทัศน์กล่าว

26/8/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 26 สิงหาคม 2567 )

โฆษณาแบนเนอร์