สยามเวลเนสกรุ๊ป เดินหน้าขยายสาขา เผยปี68 เตรียมเปิด Lets Relax Onsen Lumpini แฟลกชิปโปรเจ็กต์ ออนเซนแห่งที่ 3 พื้นที่กว่า 3,000 ตรม.ในโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี ย้ำภาพผู้นำด้านธุรกิจออนเซนของไทยอีกตำแหน่ง ล่าสุดย้ายหุ้น SPA เข้าเทรด SET เพิ่มโอกาสลงทุนทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ หวังขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจสปา-เวลเนสของภูมิภาคเอเชีย
นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ผู้นำด้านธุรกิจสปาและเวลเนส เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานว่า สำหรับปี 2567-2568 บริษัทมีแผนขยายสาขาใหม่หลากหลายสาขาในทำเลหลัก (Prime Area) ทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองท่องเที่ยว ทั้งในรูปแบบสาขาของบริษัท (Own Store) และรับบริหารสปาในโรงแรม (Spa Operating in Hotel)
วิบูลย์ อุตสาหจิต
โดยในปี 2568 นี้จะมี Flagship Project เป็นออนเซนแห่งที่ 3 Lets Relax Onsen Lumpini บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลุมพินี ตรงข้ามโครงการ One Bangkok สะท้อนถึงศักยภาพการเป็นผู้นำด้านธุรกิจออนเซนของไทยอีกตำแหน่งหนึ่ง
นายวิบูลย์กล่าวว่า ปัจจุบันสยามเวลเนสกรุ๊ปดำเนินธุรกิจนวดและสปาเพื่อสุขภาพทั้งหมด 73 สาขา แบ่งเป็นระรินจินดา เวลเนส สปา สปาระดับ 5 ดาว จำนวน 2 สาขา Lets Relax สปาระดับ 4 ดาว จำนวน 57 สาขา (55 สาขาในประเทศ และ 2 สาขาต่างประเทศ)
Baan Suan Massage ร้านนวดระดับ 3 ดาว จำนวน 8 สาขา Stretch me Clinic จำนวน 4 สาขา และ Dr.Spiller Pure Skin Care Solutions จำนวน 2 สาขา
นอกจากนี้ ยังดำเนินธุรกิจรีสอร์ตและร้านอาหารเพื่อสุขภาพที่จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แบรนด์ระรินจินดา เวลเนส สปา รีสอร์ท ระริน วิลล่าส์ (รับบริหาร) ร้านอาหารเดควัน และโอบ คาเฟ่ แอนด์ มีล (รับบริหาร) ธุรกิจผลิตภัณฑ์สปา ภายใต้แบรนด์ LRL-Lets Relax Lifestyle นำเข้าผลิตภัณฑ์สปาและความงาม และโรงเรียนสอนนวดแผนไทยและสปา
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ SPA ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้รวม 790.57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 135.59 ล้านบาท โดยในปี 2567 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตที่ 1,700 ล้านบาท ทางฝ่ายบริหารมั่นใจว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยวของภูมิภาคตะวันออกกลาง
รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลในการยกเว้นวีซ่า โดยมีรายได้ธุรกิจสปาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่โตโดดเด่น
นายวิบูลย์กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า บริษัทสยามเวลเนสกรุ๊ป หรือ SPA เป็นธุรกิจสปาและเวลเนสรายแรกของไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (mai) ซึ่งล่าสุดบริษัทผ่านคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในการย้ายหุ้น SPA เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มบริการ (Service) หมวดธุรกิจการท่องเที่ยวและสันทนาการ (Tourism) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของบริษัท ที่สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากธุรกิจ SMEs ที่ก่อร่างสร้างตัวสู่ SMEs Role Model ในฐานะบริษัทสปารายแรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และพร้อมก้าวไปอีกขั้นสู่ Asias Regional Spa Leader หรือผู้นำด้านธุรกิจสปาและเวลเนสของภูมิภาคเอเชีย ด้วยแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาค
การย้ายเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นโอกาสในการยกระดับธุรกิจของ SPA ให้มีการเติบโตอย่างมีศักยภาพ ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น รวมถึงนักลงทุนสถาบันและส่วนบุคคล ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงคู่ค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดีให้กับบริษัทด้วยกลยุทธ์ Data-Driven Spa & Wellness Company นายวิบูลย์กล่าวและว่า
ตลอดระยะเวลาที่สยามเวลเนสกรุ๊ปจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอเกือบ 10 ปี (31 ตุลาคม 2557) บริษัทเป็นหุ้น High Growth มีพอร์ตโฟลิโอในหมวดธุรกิจสปาและเวลเนสที่หลากหลาย มีจำนวนสาขาเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน นักวิเคราะห์และกองทุน ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการดำเนินงานที่โดดเด่น
รวมถึงยังอยู่ในเมกะเทรนด์ทั้งธุรกิจท่องเที่ยวและสุขภาพที่มีโอกาสเติบโตและเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันด้วย
20/9/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 20 กันยายน 2567 )