อโรม่า กรุ๊ป บุกตลาดร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน 1.7 หมื่นล้าน ผนึก คาลเท็กซ์ ปูพรมร้าน กาแฟชาวดอย 200 สาขาใน 5 ปี พร้อมรุกขยายสาขานอกปั๊มอีกกว่า 40 สาขา หวังขยายการเข้าถึงให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น มั่นใจแม้ต้นทุนเมล็ดกาแฟ-โกโก้ พุ่งสูง 50-200% แต่สิ้นปี67 รายได้แตะ 2,200 ล้านบาทตามเป้าแน่นอน
นายกิจจา วงศ์วารี กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทในเครืออโรม่า กรุ๊ป ซึ่งมี K.V.N. เป็นบริษัทในเครือ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์กาแฟชาวดอย เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดกาแฟไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวมกว่า 60,000 ล้านบาท เติบโต 7.8% แบ่งเป็นตลาดกาแฟในบ้าน 34,000 ล้านบาท และตลาดกาแฟนอกบ้าน 27,000 ล้านบาท
นายกิจจา วงศ์วารี
ซึ่งหากเจาะลงไปในตลาดกาแฟนอกบ้าน จะพบว่า ตลาดกาแฟในสถานีบริการน้ำมัน ที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 16,000-17,000 ล้านบาท กำลังเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันผู้คนเดินทางออกจากบ้านมากขึ้น ประกอบกับความนิยมร้านกาแฟในปั๊มที่สะดวก รวดเร็ว จึงทำให้ตลาดนี้เติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยต่อปีมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 25%
รุกคาลเท็กซ์ 200 สาขา
ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดการเติบโตของตลาดกาแฟในสถานีบริการน้ำมัน ล่าสุด บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ในการนำแบรนด์ กาแฟชาวดอย เข้าไปเปิดสาขาในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ทั้งช่องทางการขยายสาขาและการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ
โดยเบื้องต้นตั้งเป้าขยายให้ครบ 200 สาขาทั่วประเทศ ภายใน 5 ปี (2567-2572) เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่มและทุกพื้นที่ จากปัจจุบันมีเปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์แล้ว 38 สาขา โดยการลงทุนจะเน้นไปที่รูปแบบแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งใช้งบฯลงทุนต่อสาขาอยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านบาท
การร่วมมือในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้แบรนด์มีโอกาสที่จะได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ปัจจุบันเริ่มหันมานิยมดื่มกาแฟกันมากขึ้น จากเดิมกลุ่มผู้บริโภคหลักจะเป็นวัยทำงานอายุประมาณ 21-22 ปีขึ้นไป
ทุ่ม 125 ล้านทำการตลาดเต็มสูบ
ด้านนางสาวสมปรารถนา เจิมศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการลงทุนและพัฒนาธุรกิจค้าปลีก บริษัท สตาร์ ฟูเอลส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (SFL) บริษัทในเครือบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) กล่าวว่า สำหรับการร่วมมือในครั้งนี้ ทางคาลเท็กซ์จะทุ่มงบฯการตลาดประมาณ 125 ล้านบาทในการทำกิจกรรมเพื่อโปรโมต และสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มลูกค้าที่เป็นฐานสมาชิกของสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่กว่า 200,000 ราย ให้รับรู้ถึงการเข้ามาของแบรนด์กาแฟชาวดอย โดยจะเน้นสื่อสารผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
รวมถึงในอนาคตยังมีแผนร่วมกันทำแคมเปญออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสในการขยายฐานผู้บริโภค เนื่องจากร้านกาแฟถือว่าเป็นร้านค้าปลีกในสถานีบริการน้ำมันที่ยังคงเป็นที่ต้องการของลูกค้าที่ใช้บริการ และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
คาดว่าการร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์กาแฟชาวดอยครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มฐานสมาชิกของสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงคาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์มีจำนวนร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยภายในปี 2568 ตั้งเป้ามีจำนวนร้านค้าปลีกครอบคลุม 85% ของทั้งเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ที่มีอยู่ประมาณ 528 สาขาทั่วประเทศ นางสาวสมปรารถนากล่าว
ขยายอาณาจักรร้านกาแฟ
นายกิจจากล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการร่วมมือกับคาลเท็กซ์เพื่อขยายสาขาในสถานีบริการน้ำมันแล้ว ในปี 2568 บริษัทยังมีแผนเดินหน้าขยายสาขากาแฟชาวดอยนอกสถานีบริการน้ำมันเช่นเดียวกัน โดยเบื้องต้นตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีกกว่า 40 สาขา
ขณะที่แบรนด์ร้านกาแฟ Chao Doi Full Flavoured ที่เป็น Type Premium ของกาแฟชาวดอย เบื้องต้นมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มเช่นเดียวกัน โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการหาทำเลที่เหมาะสม เนื่องจากตัวร้านจะต้องมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างกว่าร้านกาแฟชาวดอยปกติ โดยปัจจุบันร้านกาแฟ Chao Doi Full Flavoured มีสาขาอยู่ทั้งหมด 4 สาขา
ส่วนแบรนด์ร้านกาแฟอื่น ๆ ที่อยู่ในเครืออโรม่า กรุ๊ป อาทิ ร้านกาแฟ HARIO CAFE Bangkok ที่ปัจจุบันมีสาขาอยู่ประมาณ 3 สาขา ได้แก่ โชคชัย 4, สุขุมวิท 33 และธนิยะ พลาซ่า และร้านกาแฟ We Roast ที่ปัจจุบันมีสาขาอยู่ 1 สาขา ได้แก่ เมืองทองธานี เบื้องต้นยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่ม เนื่องจากบริษัทอยากโฟกัสไปที่กลุ่มของร้านกาแฟชาวดอยก่อน
แต่ถ้าในอนาคตตลาดกาแฟมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับมีอัตราการบริโภคที่สูงขึ้น ก็อาจจะมีการขยายทั้ง 2 แบรนด์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มารองรับกับเทรนด์ผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไปในอนาคต จากตอนนี้ประเทศไทยมีอัตราการบริโภคกาแฟที่เพิ่มขึ้นเป็น 300 แก้วต่อคนต่อปี จากเดิมอยู่ที่ 150-170 แก้วต่อคนต่อปี
ต้นทุนกาแฟ-โกโก้พุ่ง 50-200%
นายกิจจากล่าวย้ำว่า แม้ตลาดกาแฟไทยจะเติบโตต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการก็ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะทั้งกำลังซื้อที่ชะลอตัว และต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าที่ปรับราคาขึ้นกว่า 50% ขณะที่โรบัสต้าปรับขึ้น 70% และโกโก้ปรับขึ้นมากถึง 200% จึงส่งผลให้ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา กาแฟชาวดอย จึงต้องมีการปรับราคาเครื่องดื่มขึ้นประมาณ 5-10 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีและปี 2568 บริษัทจะพยายามตรึงราคาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้บริโภค โดยเบื้องต้นจะเน้นการบริหารจัดการซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำ ว่าจะมีส่วนใดที่สามารถควบคุมต้นทุนได้บ้าง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ราคาวัตถุดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากสภาพอากาศที่แปรปรวน
แม้จะมีความท้าทายรอบด้าน แต่เชื่อมั่นว่าจากแผนการดำเนินธุรกิจ และการบริหารจัดการต้นทุน จะส่งผลให้สิ้นปี 2567 บริษัทจะมีรายได้เติบโตตามเป้าที่ 2,200 ล้านบาท
12/10/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 12 ตุลาคม 2567 )