หลวง พสุ ลิปตพัลลภ อาจดูเป็นเด็กใหม่ในวงการผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้านับว่าเขาเติบโตมาจาก ครอบครัวเบอร์ใหญ่ผู้รับเหมาก่อสร้างอย่างตระกูล ลิปตพัลลภ แล้ว ชื่อนี้ไม่ธรรมดา
จากหนังสืออนุสรณ์ของคุณปู่ คนสร้างทาง วิศว์ ลิปตพัลลภ แปลนามต้นตระกูลไว้ว่า ลิปต์ ภาษาบาลีสันสกฤตหมายถึง ช่าง ขณะที่ พัลลภ หมายความ ผู้เชี่ยวชาญ เมื่อนำคำสำคัญมารวมกันจึงหมายความว่า นายช่างผู้เชี่ยวชาญ
ทายาทรุ่นสามลิปตพัลลภ กระโดดลงสนามธุรกิจเต็มตัวมา 9 ปี ปัจจุบันนั่งในตำแหน่งกรรมการบริหารบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) (PROUD)
เขาเรียนจบปริญญาตรีด้านการเงินจาก Westminster University และปริญญาโท ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ Cass University ประเทศอังกฤษ ชื่นชอบเรื่องเศรษฐศาสตร์และจิตวิทยา เคยทำงานเป็นเซลล์อยู่สิงคโปร์ 7 ปี ก่อนจะกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว
ไม่เดินตามเงา หาเป้าหมายของตัวเอง
ผมไปคุยกับพ่อว่ามีอะไรให้ทำไหม พ่อชวนมาทำด้วยกัน ผมบอกว่าโอเค ลองคุยคอนเซปต์ก่อน ผมชอบทำอะไรที่โปรเฟสชั่นนอลหน่อย ไม่ชอบทำอะไรกับกงสี ผมปวดหัวพอดีมีโปรเจกต์ทำร่วมกับพาร์ตเนอร์ 2 อันคือ พาร์ค 24 กับรีสอร์ทมอลล์ บลูพอร์ต ที่หัวหิน ผมก็เลยตกลงมาทำ แต่ผมไม่ชอบเอาเรื่องงานกับครอบครัวมาปนกัน เรื่องราวเริ่มต้นในการทำงานกับครอบครัว ที่หลวง ได้เล่าผ่าน hellomagazine เมื่อปี 2017
เขาบอกว่า ไม่เคยเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับความสำเร็จในอดีตของครอบครัว พยายามมองภาพใหญ่อนาคตที่ไกลและกว้าง
เราจะวางตัวเองไว้ตรงไหนทั้งเรื่องงาน ครอบครัวหรือคุณภาพชีวิต ค่อยๆ นั่งคิด วางเป้าหมายและหากระบวนการไปถึงจุดนั้น ระหว่างทางอาจจะมีเลี้ยวทางอื่นบ้าง แต่มีจุดหมายชัดเจน เขาบอกและว่า เมื่อเดินหน้าตามเส้นทางที่กำหนดไว้ อีก 5 ปี ค่อยกลับมาเช็กตัวเองว่า ทำได้หรือยัง แต่แน่นอนว่า คงเป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นแน่นอน
เขาวาง PROUD ในตำแหน่งลักชัวรี่แบรนด์ที่มีความแตกต่าง ประเภททำน้อยแต่ได้มาก ยกตัวอย่างเช่น โครงการพราว VEHHA หัวหิน คอนโดเห็นบรรยากาศรอบเมืองตากอากาศ ที่นำการบริหารแบบโรงแรมมาใช้ในโครงการต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงโครงการบ้านเดี่ยว VI ARI ย่านอารีย์ กรุงเทพฯ
3 คีย์ความสำเร็จ
โลเกชั่น โลเกชั่น โลเกชั่น คือสิ่ง พสุ มองว่าสำคัญที่สุดในการพัฒนาอสังหาฯ โดย 3 คีย์หลักที่ทำให้องค์กรดำเนินงานได้ดีประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย
ปรัชญาแห่งความแตกต่าง : ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่ มากกว่าขายเพื่อทำกำไรอย่างเดียว
ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมอสังหาฯ ทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก มันไม่สามารถทำแค่บ้านขายได้อีก แต่ต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้ลูกบ้านด้วย อยู่แล้วชีวิตต้องดีขึ้น
2. มูลค่าบ้าน : อยู่แล้วมูลค่าเพิ่ม
3. ตอบโจทย์ชีวิตทุกช่วงวัย : ใช้ชีวิตเข้ากับสถานที่ได้อย่างลงทุน ทำให้สินค้าเป็น Best in class
อีกเรื่องที่สำคัญในการพัฒนาองค์กรคือ คน PROUD มีทีมงานมากฝีมือ ขยายโอกาสและพื้นที่ให้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยไม่ต้องขวนขวายย้ายไปอยู่บริษัทที่ใหญ่กว่า เลือกใช้ศักยภาพที่มีสร้างสรรค์ให้องค์กรเติบโต
ทำทุกโปรเจกต์ให้เหมือนโปรเจกต์สุดท้าย ขอใช้ค่าว่า Best in class ถ้าของมันดี ผมจะกล้าพูดกับลูกค้าเต็มปากว่ามันดี ถ้าเอาของไม่ดีไปขาย ลูกค้าเขาก็ไม่กลับมา เราไม่ได้ทำธุรกิจแบบนั้น นี่คือตัวตนที่เราสื่อถึงลูกค้า
Best in class ที่ พสุ บอกไม่ใช่เหนือกว่าในอุตสาหกรรม แต่ยังต้องเป็น Best in class ที่เข้ากับโลกแห่งความยั่งยืนได้ เพราะไม่ว่าจะรวยแค่ไหน ทุกคนก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โลกร้อน ฉะนั้นสิ่งที่ PROUD ทำคือการนำเทคโนโลยีและการใช้พลังงานสะอาด เข้ามาอยู่ในกระบวนการออกแบบและพัฒนาโครงการ
สัญชาติญาณและความเฉลียวในความเสี่ยง
หลวง พสุ เติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ นักการเมือง เรียนทางด้านการเงินและอสังหาฯ ชื่นชอบเรื่องจิตวิทยา แถมยังเคยเป็นเซลล์แมนมาก่อน ทำให้เขามีวิธีคิดในการเชิงเชื่อมโยงโลกธุรกิจ สถานการณ์เศรษฐกิจ และความรู้สึกของคนหมู่มาก เพื่อหาความต้องการของลูกค้าและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์
เขาหัวเราะเมื่อถูกถามถึงสไตล์การบริหารงานของตัวเอง เรื่องนี้ต้องถามทีมงานที่ทำงานด้วย ก่อนจะอธิบายว่าพยายามทำให้องค์กรเป็นสถาบัน แต่ไม่มีสูตรที่ตายตัว ใช้สัญชาติญาณประมาณหนึ่งตามโอกาสและความเสี่ยง และเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพ
สิ่งที่ห้ามหยุดเด็ดขาด คือห้ามหยุดเรียนรู้ หาความรู้ใหม่ๆ หาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าใจธุรกิจใหม่ๆ ถ้าวันไหนเราคิดว่ารู้ดีแล้ว คิดว่าเจ๋งที่สุดเก่งที่สุด ไม่เรียนรู้อะไรเพิ่มเติม วันนั้นเราจะติดเพดานไปไหนต่อไม่ได้ ต้องพยายามไม่หยุดเรียนรู้
ผู้บริหาร PROUD ทิ้งท้ายว่า บางอย่างใช้แค่ความฉลาดไม่ได้ ต้องเฉลียวด้วย และต้องอึด ทน เพื่อไปถึงเป้าหมาย
4/11/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 4 พฤศจิกายน 2567 )