JuneYao Auto ส่งรถยนต์ไฟฟ้า JY AIR ลุยตลาด เผยหลังเข้าร่วมมาตรการอีวี 3.5 พร้อมประกาศเตรียมตั้งโรงงานในไทย ใช้ไทยเป็นฐานผลิตรับตลาดในประเทศ-ส่งออก แย้มปลายปีหน้าเตรียมตอกเสาเข็ม ด้วยกำลังผลิต 2 หมื่นคันต่อปี
นายหวัง จูนจีน ประธาน บริษัท จูนเหยา กรุ๊ป เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทตัดสินใจเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยมีการจัดตั้ง บริษัท จูนเหยา ออโต (ประเทศไทย) จำกัด หรือ JuneYao Auto ในฐานะบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ในเครือเดียวกับบริษัท จูนเหยา กรุ๊ป (JuneYao Group)
ด้วยการการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ พร้อมส่งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกออกสู่ตลาดประเทศไทย อย่าง JY รุ่น AIR เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในยุคใหม่ที่ต้องการยานยนต์ที่มีความล้ำสมัย สะดวกสบาย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับ JY AIR ถือเป็นการนำเสนอรูปแบบใหม่ของการเดินทาง พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะมอบความสุขในทุกมิติ ผสมผสานระหว่างนวัตกรรมการขับขี่ที่ให้ความสะดวกสบายเหมือนที่อยู่บน First Class
ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีสมรรถนะสูงสุด ทั้งในด้านประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัย และมาพร้อมกับระบบ Crystal OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยทีมวิจัยและพัฒนาของจูนเหยา ที่มีฟีเจอร์ควบคุมและสั่งงานแบบอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทุกฟังก์ชั่นได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส
รถคันนี้ออกแบบและพัฒนาบนแพลตฟอร์ม SKY ที่สามารถพัฒนารุ่นรถใหม่สำหรับทั่วโลก ประสิทธิภาพดี และมีความปลอดภัยสูง ช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่า โดยครอบคลุมรถยนต์ประเภท A ถึงรถซีดานคลาส C, SUV, Coupe, MPV และประเภทอื่น ๆ
และมาพร้อมกับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ Level 2+ และมีฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็น
การควบคุมเลนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดขณะขับขี่ผ่านรับการรับรองด้านความปลอดภัยระดับสูงตามมาตรฐาน NCAP และ E-NCAP ระดับ 5 ดาว นอกจากนี้ JY AIR ยังออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่ที่ต้องการความสะดวกสบายและความหรูหรา โดยใช้หลักแอโรไดนามิกส์ ONE BOX ทำให้รถรุ่นนี้มีสมรรถนะการขับขี่ที่เงียบและลดแรงต้านอากาศได้อย่างดี
ห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพสูงและเนื้อสัมผัสที่หรูหรา มีพื้นที่กว้างขวางและเงียบสงบ ลดเสียงรบกวนจากภายนอก มาพร้อมระบบควบคุมรถ 3D ที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่มีการตอบสนองที่ดี โดยมีการควบคุมไฟ หน้าต่าง และประตูท้ายด้วยสัมผัสเดียว
และเพิ่มความกว้างขวางด้วยหลังคาพาโนรามาขนาด 2.072 ตร.ม.
JY AIR มี 4 สี ให้เลือก ได้แก่ สีขาว Moon White, สีฟ้า Meteorite Blue, สีเขียว Aurora Green และสีดำ Galactic Black
ส่วนราคาจำหน่าย JuneYao JY AIR
JY AIR รุ่น Standard ราคา 759,000 บาท จากราคา 899,000 บาท ก่อนเข้าร่วมมาตรการอีวี 3.5
มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ CATL SENXING Lithium-ion (LFP) ขนาดความจุ 51 kWh แบบ CTP (Cell-to-Pack) ขับเคลื่อนล้อหลัง Rear-Wheel Drive อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาต่ำกว่า 7.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนวิ่งระยะทางสูงสุด 430 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) JY AIR PLUS
JY AIR รุ่น Plus ราคา 869,000 บาท จากราคา 1,018,000 บาท ก่อนเข้าร่วมมาตรการอีวี 3.5
มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ CATL SENXING Lithium-ion (LFP) ขนาดความจุ 64 kWh แบบ CTP (Cell-to-Pack) ขับเคลื่อนล้อหลัง Rear-Wheel Drive อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาต่ำกว่า 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวิ่งระยะทางสูงสุด 520 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
สำหรับรถลอตแรก จะพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2567 หรือต้นเดือนมกราคม 2568 เบื้องต้น จูนเหยา ตั้งเป้ายอดยายรถ JY AIR หลังจากเปิดตัวไปจนถึงสิ้นปีหน้าไว้ 300 คัน
และมีแผนการเพิ่มเครือข่ายการจัดจำหน่ายนั้น คาดว่าปีหน้าจะมีโชว์รูมและศูนย์บริการให้ได้ 30 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ส่วนรถ JY AIR ที่เปิดตัววันนี้ยังเข้าร่วมมาตรการอีวี 3.5 ของรัฐบาลไทย และบริษัทก็มีแผนจะตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พวงมาลัยในประเทศไทยด้วย เบื้องต้นคาดว่จะมีกำลังผลิต 20,000 คันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและส่งออก
วันนี้เราเปิดรถ JY AIR แล้ว และขอยืนยันว่า เราจะไม่มีการปรับลดราคาจำหน่าย เพราะราคาที่ประกาศวันนี้เป็นราคาพิเศษช่วงแนะนำ ซึ่งน่าจะได้เห็นการตอบสนองและดีมานด์ของลูกค้า ช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โปจะทำให้เราสามารถว่างแผนงานเพื่อผลิตได้ต่อไป และภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 เรายังมีแผนแนะนำรถรุ่นใหม่อีก 1 โมเดลด้วย
นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองรถในช่วงแรก เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในบริการหลังการขายและความคุ้มค่าในการลงทุนกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้
19/11/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 19 พฤศจิกายน 2567 )
