ส่องรายได้ 5 ธุรกิจเครือโรงแรมดัง จากผลประกอบการไตรมาส 3/67 แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นจากปีที่ผ่านมา ด้านกลุ่มบริษัทไมเนอร์กวาดรายได้จากธุรกิจโรงแรมและที่เกี่ยวข้องกว่า 3 หมื่นล้านบาท
จากสถานการณ์การเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาส 3 ของปี 2567 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมาตราการฟรีวีซ่า 93 ประเทศ ต่างก็เป็นปัจจัยทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตมายิ่งขึ้น เชื่อมโยงไปกับรายได้ของธุรกิจโรงแรมที่จะเติบโตขึ้นไปได้
ประชาชาติธุรกิจ รวบรวมรายได้ในไตรมาส 3/2567 และภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2567 ของ 5 ธุรกิจเครือโรงแรมดังในประเทศที่น่าสนใจ โดยแต่ละบริษัทมีผลประกอบการ ดังนี้
บริษัทดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) มีรายได้จากธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3 ของปี 2567 กว่า 953 ล้านบาท คิดเป็น 69.3 % ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทในไตรมาสนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ของปีก่อนประมาณ 3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3% สำหรับ 9 เดือนของปี 2567 รายได้จากธุรกิจโรงแรมจำนวน 3,455 ล้านบาท คิดเป็น 67.2% ของรายได้ทั้งหมด และเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนประมาณ 413 ล้านบาท คิดเป็น 13.6% โดยธุรกิจโรงแรมเป็น 2 ประเภท ดังนี้
ธุรกิจโรงแรมที่ลงทุนเองรายได้กว่า 774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและสำหรับ 9 เดือนปี 2567 จำนวน 2,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่ารายได้ลดลงร้อยละ 7.3 แบ่งเป็นโรงแรมในประเทศและต่างประเทศธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมรายได้กว่า 179 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการและให้เช่าวิลล่าหรู ภายใต้แบรนด์ Elite Havens เนื่องจากอัตราการเข้าพักที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน MINOR
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยรายได้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 34,068 ล้านบาท จากการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในการดำเนินงานของโรงแรมทั่วยุโรป ละตินอเมริกา และประเทศไทย
ในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายภาษีและค่าเสื่อมจากการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่น ๆ เติบโต 10 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 10,233 ล้านบาท และรายได้รวมจากธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่น ๆ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ติบโตร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 100,171 ล้านบาท
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) มีรายได้ในไตรมาส 3 ของปี 2567 สำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการเท่ากับ 2,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราการเข้าพักโรงแรมในไตรมาส 3 ของปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 71.7 เป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทุกกลุ่มโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) และโรงแรมในกรุงเทพฯ
โดยรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate : ADR) เท่ากับ 5,467 บาทต่อคืน เติบโต 1.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 3,918 บาท เติบโตขึ้นร้อยละ 16.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รายได้ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการเพิ่มขึ้น 10.3% แม้ยังอยู่ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว
สำหรับ 9 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการเท่ากับ 8,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 จากช่วงเดียวกันของกับปีก่อน โดยอัตราการเข้าพักโรงแรมสำหรับ 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 70.9 เติบโตเพิ่มขึ้น อย่างโดดเด่นจากช่วงเดียวกันของกับปีก่อน ที่ร้อยละ 64.4 เนื่องจากมีผู้เข้าพักและใช้บริการโรงแรมเพิ่มสูงขึ้น
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) มีผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 2,533.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากไตรมาส 3 ปี 2566 รับแรงหนุนจากรายได้ที่เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นของโรงแรม Outrigger ทั้งในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ และสาธารณรัฐมอริเชียส โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 54 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 กว่า 7,745.6 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นของโรงแรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงห้องพักให้ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ รวมถึง การดำเนินกลยุทธ์การตลาดและการกำหนดราคาที่ตรงเป้าหมายช่วยผลักดันให้โรงแรม Outrigger, โรงแรมในโครงการ CROSSROADS และโรงแรมที่บริษัทบริหารจัดการเองในประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 45, ร้อยละ 8 และร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าตามลำดับ และบันทึกรายได้ภาพรวมสำหรับงวด 9 เดือนแรก ของปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ธุรกิจโรงแรมมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76 ล้านบาท (4%) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,219 ล้านบาท (ไตรมาส 3/2566 : 1,247 ล้านบาท) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2% โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงอยู่ที่ 55% (ไตรมาส 3/2566 : 58%)
จากผลกระทบการปรับปรุงโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา และผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงของโรงแรมในมัลดีฟส์ ธุรกิจโรงแรมมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา, ค่าตัดจำหน่าย, ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ 664 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 3/2566 : 606 ล้านบาท)
จากผลการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศไทย และโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ โอซาก้าเป็นสำคัญ โดยคิดเป็นอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ ต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้น 27% เทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน ธุรกิจโรงแรมมีกำไรสุทธิจำนวน 19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135% เทียบไตรมาส 3 ของปีก่อน
บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำแนกรายได้จากธุรกิจโรงแรมไว้ 4 ประเภท ดังนี้
1. กลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาวจนถึงชั้นประหยัด
ไตรมาส 3/67 รวม 1,395 ล้านบาท
9 เดือนแรกของปี 2567 รวม 4,347 ล้านบาท
2. กลุ่มโรงแรม ฮ็อป อินน์ ประเทศไทย
ไตรมาส 3 ของปี 2567 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 241 ล้านบาท
รายได้ 9 เดือนแรกของปี 2567 รวม 713 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14
3. กลุ่มโรงแรม ฮ็อป อินน์ ประเทศฟิลิปปินส์
ไตรมาส 3 ของปี 2567 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 107 ล้านบาท
รายได้ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 รวม 307 ล้านบาท
4. กลุ่มโรงแรม ฮ็อป อินน์ ประเทศญี่ปุ่น
ไตรมาส 3 ของปี 2567 รวม 67 ล้านบาท
ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 รวม 181 ล้านบาท
โดยสรุปในไตรมาส 3 ของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมจากการประกอบกิจการโรงแรมเท่ากับ 1,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากไตรมาส 3 ของปี 2566 ซึ่งมีรายได้หลักจากรายได้ส่วนห้องพักจำนวน 1,456 ล้านบาท และรายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 325 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาส 3/66 ตามลำดับ และบันทึกกำไรระดับ EBITDA 553 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาส 3 ของปี 2567
ทั้งนี้ภาพรวม ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมจากการประกอบกิจการโรงแรม 5,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ส่วนห้องพักจำนวน 4,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 และรายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 1,006 ล้านบาท คงที่จากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรระดับ EBITDA 1,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
21/11/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 21 พฤศจิกายน 2567 )