
EEC-กนอ. เตรียมพร้อมรับมือน้ำตั้งแต่ต้นมือ เผยลานีญาทำฝนชุกน้ำล้น EEC คิดไกลหาบ่อเก็บไว้ใช้ช่วงแล้ง หนุนเอกชนทำบ่อดินกักน้ำรอบตะเข็บแม่น้ำบางปะกง ขณะที่ กนอ.ระดมทำเขื่อนรอบนิคม ป้องกันน้ำท่วม ทุ่มลงทุนกว่า 1.8 พันล้าน เฝ้าระวัง 4 นิคมที่อยุธยา-สมุทรปราการ ศึกษาจากบทเรียนปี54 มั่นใจเอาอยู่ ด้านนิคมฯโรจนะสร้างกำแพงกั้นยาวเหยียด 80 กม.แล้ว
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ EEC) เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า ในพื้นที่ EEC ขณะนี้พื้นที่การลงทุนค่อนข้างที่จะเต็ม ทั้งมาจากการตั้งโรงงานอุตสาหกรรม การขยายของตัวเมือง สนามบิน นิคมอุตสาหกรรม และชุมชน ดังนั้นการเตรียมความพร้อมในเรื่องน้ำเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจากการคาดการณ์ปริมาณน้ำที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและความต้องการในอนาคต น้ำจะไม่เพียงพอ แม้จะมีแหล่งน้ำหลักที่มาจาก จ.จันทบุรี และ จ.ตราด แล้วก็ตาม
แผนของ EEC คือ การสำรองน้ำจากแหล่งอื่นให้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ แต่จะต้องมีจำนวนหลาย ๆ แหล่งรอบเมือง โดยเฉพาะในช่วงปี 2568 ซึ่งเป็นปีที่เกิดลานีญา ทำให้มีปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปกติ
ปีนี้กับปีหน้า เรายังอยู่ในช่วงลานีญาก่อนที่จะเข้าสู่วัฏจักรของเอลนีโญ ซึ่งภูมิอากาศจะแล้ง เราจึงมีเวลาปีกว่าในการเร่งเก็บน้ำ ช่วยกันสร้างอ่าง เพราะตอนนี้เราใช้วิธีผันน้ำมาที่จันทบุรีกับตราด โครงการที่จะสร้างแหล่งน้ำใหม่ มีอุปสรรคที่ว่าเป็นพื้นที่อุทยาน จึงทำให้ติดขัดมา 2 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้เราเลยต้องใช้วิธีสร้างอ่างเล็ก ๆ รอบตะเข็บแม่น้ำบางปะกง ให้เอกชนเอาบ่อดินไว้ใช้เก็บน้ำและขายน้ำให้การประปาฯ หรืออีสท์วอเตอร์ แต่อาจลงทุนเรื่องท่อเยอะหน่อย
แต่ก็ต้องทำไว้รอดีกว่าแทนที่จะรออ่างใหญ่ เพราะกว่าจะรอน้ำจากจันทบุรี มาระยอง มาฉะเชิงเทรา ทิ้งทะเล 70% ได้ใช้แค่ 30% เราเปลี่ยนมาเป็นเก็บ 70% ทิ้ง 30% มันน่าจะดีกว่า ตอนนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เริ่มทำแล้ว และเราต้องการทำเป็นโมเดล และอยากให้ผู้พัฒนานิคมมองกลับด้าน เวลาจะหาที่ลงทุน ต้องไปหาใกล้แหล่งน้ำ เพื่อกันไว้ในอนาคตว่าจะไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำ
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า เรื่องน้ำสำคัญมาก ปีนี้น้ำมาก พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 4 แห่งที่เป็นพื้นที่เฝ้าระวังจากน้ำท่วม คือ นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง, นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน, นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ทุกแห่งมีความพร้อมรับมือสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ แม้สถานการณ์น้ำในเดือนกันยายน 2568 จะยังอยู่ในภาวะปกติ แต่ กนอ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ริมแม่น้ำและเส้นทางน้ำหลาก
สำหรับระบบป้องกันน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่ ลงทุนไปแล้วรวมกว่า 1,857 ล้านบาท เช่น นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง (อยุธยา) มีเขื่อนป้องกันความยาว 5.5 กิโลเมตร สูง 8.15 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี 2554 นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน (อยุธยา) มีระบบป้องกันที่ระดับความสูง +6.00 เมตร สูงกว่าระดับน้ำท่วมปี 2554
นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (อยุธยา) มีแนวป้องกันน้ำท่วมยาว 11 กม. ที่ระดับความสูง +5.40 เมตร สูงกว่าระดับน้ำท่วมในปี 2554 นิคมอุตสาหกรรมบางปู (สมุทรปราการ) ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 53% มีแผนดำเนินให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2569 โดยจะสามารถสูบระบายน้ำได้ 160,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
ทางศูนย์เฝ้าระวังจะรายงานข้อมูลกรมชลประทานให้เราทราบทุกเช้าและเรียลไทม์ แต่ละพื้นที่มันไม่เหมือนกัน เราก็ต้องมอนิเตอร์ แต่ละแห่งการจัดการจึงไม่เหมือนกัน อย่างที่นิคมอุตสาหกรรมลำพูนปีที่แล้วน้ำท่วม ปีนี้เลยต้องอัพเกรดทำเขื่อนดินสูง 5.5 เมตร ติดตั้งปั๊มเร่งระบายเพิ่ม นอกจากเรื่องเสริมความแข็งแกร่งของกำแพงป้องกัน
เรายังเตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำกำลังสูงและระบบสำรองให้ใช้งานได้ทันที ทำงานร่วมกับกรมชลประทาน มีการรายงานจากทุกพื้นที่ทุกเช้าและเรียลไทม์ และยังมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินร่วมกับโรงงาน รวมถึงการแจ้งเตือนภัย เพราะจากบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ทำให้เราต้องลงทุนเพื่อความมั่นคงในระยะยาว การลงทุนทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่การป้องกันทรัพย์สิน แต่คือการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนรู้ว่า ประเทศไทยเป็นฐานการลงทุนที่ปลอดภัย
นายภคิน ชลรัตนหิรัญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำตอนนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง แต่อยู่ในระยะเฝ้าระวัง ถ้าไม่มีพายุมาเพิ่ม แต่อย่างไรก็ดี กำแพงกันน้ำที่โรจนะมีอยู่ จะช่วยป้องกันน้ำท่วมเข้าโรจนะได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ปัจจุบันรวมทั้งหมดของทุกโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วมีกำแพงกั้นน้ำยาวถึง 80 กิโลเมตร
5/10/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 5 ตุลาคม 2568 )