"ยู ซิตี้" เผยผลประกอบการพลิกมีกำไร 92 ล้าน หลังปรับกลยุทธ์ดำเนินงาน เซ่นพิษโควิด-19 ลุยขายอสังหาฯ เพิ่ม 26 พันล้าน ตั้งเป้าปิดดีล 3 ปีข้างหน้า
รายงานข่าวจากบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) (ยู ซิตี้) เปิดเผยว่า บริษัทพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 92 ล้านบาทในปี 2564 เทียบกับผลขาดทุนสุทธิ 6,614 ล้านบาทในปี 2563 ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้เป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินงานอย่างทันท่วงที ตามทิศทางที่คณะกรรมการบริษัท และผู้ถือหุ้นได้อนุมัติเมื่อต้นปี 2564 ในช่วงที่ผ่านมา ยู ซิตี้ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากบริษัทพึ่งพาธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก รายได้ของบริษัทลดลงกว่าร้อยละ 90 และโรงแรมเกือบทั้งหมดจาก 73 แห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากข้อจำกัดของรัฐบาล และการท่องเที่ยวที่หดตัวลง การฟื้นตัวของธุรกิจมีความไม่แน่นอน และไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากการเกิดขึ้นของโควิดสายพันธุ์ใหม่ตลอดเวลา และความไม่ชัดเจนของนโยบายภาครัฐ แต่หลังจากที่ผู้ถือหุ้นตัดสินใจอนุมัติให้มีการขายธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์อื่น และมีการเพิ่มทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน ยู ซิตี้ ก็กลับพลิกฟื้นมามีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ยู ซิตี้ ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อจำหน่ายโรงแรมในทวีปยุโรปเพิ่มเติม จนถึงปัจจุบัน บริษัทได้ขายทรัพย์สินไปแล้วกว่า 6.3 พันล้านบาท และตั้งเป้าที่จะดำเนินการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เหลืออยู่อีกกว่า 26 พันล้านบาทให้หมดในอีก 3 ปีข้างหน้าควบคู่ไปกับการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่เหลือ บริษัทได้เริ่มขยายธุรกิจสู่บริการทางการเงินด้วยการเข้าซื้อหุ้น บริษัท แอดวานซ์ ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน) หรือ A LIFE รวมถึงเข้าซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER และบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ภายใต้กลยุทธ์ "3M" MOVE, MIX, MATCH ของกลุ่มบริษัทบีทีเอส เพื่อสนับสนุน และเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ต่อยอดธุรกิจทางการเงินเพื่อก้าวไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป
นางสาวสรญา เสฐียรโกเศศ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน กล่าวว่า การพลิกฟื้นธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นตามแผน ซึ่งเราคาดหวังว่าจะได้เห็นธุรกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยเร่งขยายธุรกิจบริการทางการเงินของบริษัทให้เพิ่มขึ้นได้ภายในปีนี้ ในปี 2564 ยู ซิตี้ มีรายได้รวม 6,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3 จากปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากกำไรจากการลงทุนใน JMART ทั้งนี้ราคาหุ้นของ JMART และ SINGER มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 64 และร้อยละ 32 ตามลำดับนับจากวันที่บริษัทตัดสินใจลงทุน ซึ่งสะท้อนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มตามกลยุทธ์ MATCH ของกลุ่มบริษัทบีทีเอสซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ U-P ซึ่งเป็นหุ้นบุริมสิทธิของ ยู ซิตี้ ที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลก่อนหุ้นสามัญ มีราคาปิดที่ 0.16 บาทต่อหุ้น ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565
15/2/2565 ฐานเศรษฐกิจ (15 กุมภาพันธ์ 2565)